พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547
แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2551
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
1. ผู้ที่ประกอบวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่างๆ ในสถานศึกษาของรัฐ หมายถึงบุคคลในข้อใด
ก. ข้าราชการ ข. คณาจารย์
ค. บุคลากรทางการศึกษา ง. อาจารย์
2. บุคลากรทางการศึกษา หมายถึงบุคคลในข้อใด
ก. ผู้บริหารการสถานศึกษา
ข. ผู้บริหารการศึกษา
ค. ผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการหรือปฏิบัติเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียกการสอน
ง. ถูกทุกข้อ
3. หน่วยงานการศึกษา หมายถึงข้อใด
ก. สถานศึกษา ข. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ค. สำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน ง. ถูกทุกข้อ
4. ข้อใดถูกต้อง
ก. ศูนย์การศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย ก็คือสถานศึกษาตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
ข. สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยเป็นสถานศึกษาตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
ค. โรงเรียนคือสถานศึกษาตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
ง. ถูกทุกข้อ
5. คณะกรรมการตำแหน่งประธานกรรมการ ก.ค.ศ. คือบุคคลในข้อใด
ก. นายกรัฐมนตรี ข. ก.ค.ศ.
ค. ก.พ.ร. ง. ก.ค.
6. ผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ก.ค.ศ. คือบุคคลในข้อใด
ก. นายกรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ค. เลขาธิการ ก.พ. ง. เลขาธิการคุรุสภา
7. ท่านเห็นว่าข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับองค์ประกอบของ ก.ค.ศ.
ก. ก.ค.ศ. ประกอบด้วยกรรมการที่มาจากการแต่งตั้งทั้งหมด
ข. ก.ค.ศ. ประกอบด้วยกรรมการที่มาจากการเลือกตั้ง
ค. ก.ค.ศ. ประกอบด้วยกรรมการที่มาจากการแต่งตั้งจากการเลือกตั้ง
ง. ก.ค.ศ. ประกอบด้วยกรรมการโดยตำแหน่งและกรรมการทั้งที่มาจากการแต่งตั้งและจากการเลือกตั้ง
8. บุคคลในตำแหน่งตามข้อใดเป็นกรรมการโดยตำแหน่งใน ก.ค.ศ.
ก. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ข. เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ค. เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ง. ถูกทุกข้อ
9. ข้อใดไม่เป็นลักษณะต้องห้ามของผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ก. มีสัญชาติไทย
ข. เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ค. เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
ง. เป็นเจ้าหน้าที่ ที่ปรึกษา หรือผู้มีตำแหน่งบริหารในพรรคการเมือง
10. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 2 ปี ข. 3 ปี
ค. 4 ปี ง. 5 ปี
11. องค์ประชุมของการประชุม ก.ค.ศ. ต้องเป็นไปตามข้อใด
ก. ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด
ข. ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด
ค. ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด
ง. ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด
12. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการปฏิบัติในการประชุมของ ก.ค.ศ.
ก. ถ้าประธานไม่อยู่ในที่ประชุมรองประธานทำหน้าที่แทน
ข. เมื่อมีเรื่องพิจารณาเกี่ยวกับตัวกรรมการผู้ใดโดยเฉพาะ กรรมการผู้นั้นไม่มีสิทธิเข้าประชุม
ค. ในการพิจารณาในเรื่องใด ถ้ามีกรณีเข้าข่ายที่กฎหมายกำหนดว่ากรรมการผู้นั้นมีส่วนได้เสีย กรรมการผู้นั้นไม่มีสิทธิเข้าประชุม
ง. ประธานไม่สามารถพิจารณาในเรื่องใด ถ้ามีกรณีเข้าข่ายที่กฎหมายกำหนดว่ากรรมการผู้นั้นมีส่วนได้เสีย กรรมการผู้นั้นไม่มีสิทธิเข้าประชุม
13. การปฏิบัติในข้อใดไม่ถูกต้องตามอำนาจหน้าที่ของ ก.ค.ศ.
ก. ออก กำ ก.ค.ศ. เกี่ยวกับการบริหารงานของข้าราชการครูและบุคลาการทางการศึกษา
ข. ตั้ง อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา
ค. อนุมัติให้ปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษา
ง. กำหนดเงื่อนไขการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
14. ผู้บังคับบัญชาของข้าราชการของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา คือบุคคลในข้อใด
ก. ประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ข. เลขานุการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ค. เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
15. บุคคลตามข้อใดเป็นผู้บริหารราชการในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ข. ประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ค. เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ง. ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
16. การตั้ง อ.ก.ค.ศ. เป็นอำนาจหน้าที่ของบุคคลหรือหน่วยงานในข้อใด
ก. ก.ค.ศ.
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ค. ประธานคระกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ง. เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
17. ข้อใดไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสถานศึกษา
ก. กำกับดูแลการบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา
ข. ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาต่อผู้บริหารสถานศึกษา
ค. พัฒนาระบบข้อมูลและจัดทำแผนอัตรากำลังคนสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาต่อผู้บริหารสถานศึกษา
ง. เสนอความต้องการจำนวนและอัตราตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาต่อผู้บริหารสถานศึกษา
18. ผู้ซึ่งจะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องมีอายุไม่ต่ำกว่ากี่ปี
ก. 18 ปีบริบูรณ์ ข. 20 ปีบริบูรณ์
ค. 25 ปีบริบูรณ์ ง. 30 ปีบริบูรณ์
19. การเพิ่มเงินค่าครองชีพชั่วคราวให้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากระทำได้ตามข้อใด
ก. ตราเป็นพระราชบัญญัติ ข. ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
ค. ประกาศเป็นกฎกระทรวง ง. ดำเนินการได้โดยมติคณะรัฐมนตรี
20. ตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในข้อใดเป็นตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา
ก. อธิบดี ข. อาจารย์
ค. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ง. ศาสตราจารย์
21. ตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในข้อใดเป็นตำแหน่งซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้สอนในหน่วยงานการศึกษา
ก. ศาสตราจารย์ ข. ผู้อำนวยการสถานศึกษา
ค. ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ง. อธิการบดี
22. ตำแหน่งในข้อใดเป็นตำแหน่งทางวิชาการของคณาจารย์
ก. อาจารย์ ข. ผู้ช่วยศาสตราจารย์
ค. ศาสตราจารย์ ง. ถูกทุกข้อ
23. หน่วยงานหรือบุคคลตามข้อใดเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบการกำหนดตำแหน่งและการใช้ตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เหมาะสม
ก. ก.ค.ศ.
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ค. ประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ง. เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
24. หน่วยงานหรือบุคคลตามข้อใดเป็นผู้ดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ก. ก.ค.ศ. ข. อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา
ค. ผู้อำนวยการสถานศึกษา ง. คณะกรรมการสถานศึกษา
25. กรณีที่จำเป็นต้องบรรจุและแต่งตั้งบุคคลซึ่งมีความเชี่ยวชาญระดับสูงเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องอนุมัติจากบุคคลหรือหน่วยงานในข้อใด
ก. ก.ค.ศ.
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ค. ประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ง. เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
26. การจ้างบุคคลเข้าปฏิบัติงานเป็นบุคลากรทางการศึกษา โดยมีสัญญาจ้างและไม่บรรจุให้เป็นข้าราชการสามาถกระทำได้เพียงข้อใด
ก. ไม่สามารถกระทำได้
ข. สามารถกระทำได้เป็นอำนาจของ ก.ค.ศ.
ค. กระทำได้ตามระเบียบที่ ก.ค.ศ. กำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
ง. สามารถกระทำได้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
27. ใครเป็นผู้สั่งบรรจุแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ข. ประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ค. เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ง. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
28. ใครเป็นผู้สั่งบรรจุและแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ข. ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ค. เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ง. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
29. ใครเป็นผู้สั่งบรรจุและแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ข. ประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ค. เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ง. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
30. ใครเป็นผู้สั่งบรรจุและแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งครู
ก. ผู้อำนวยการสถานศึกษา
ข. ประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ค. เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ง. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
31. การบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งไม่ได้สังกัดเขตพื้นที่การศึกษ ใครเป็นผู้สั่งบรรจุและแต่งตั้ง
ก. ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของส่วนราชการที่ผู้นั้นสังกัดอยู่
ข. ประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ค. เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ง. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
32. บุคคลที่จะได้รับการบรรจุแต่งตั้งในตำแหน่งครู ต้องเตรียมความพร้อมและพัฒนาในตำแหน่งครูผุ้ช่วยเป็นเวลาตามข้อใด
ก. 6 เดือน ข. 1 ปี
ค. 2 ปี ง. 3 ปี
33. ข้อใดถูกต้องในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ก. เป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาที่จะพิจารณาโดยอิสระ
ข. ให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณา
ค. เป็นอำนาจของผู้อำนวยการสถานศึกษาทั้งการพิจารณาและสั่ง
ง. คณะกรรมการสถานศึกษาเป็นผู้พิจารณา
34. ข้าราชการครูละทิ้งหน้าที่ติดต่อกันในคราวเดียวโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรเป็นเวลานานเกินกว่ากี่วัน เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ก. 3 วัน ข. 7 วัน
ค. 15 วัน ง. 30 วัน
35. การกระทำตามข้อใดของข้าราชการครูเป็นความผิดทางวินัย
ก. สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ข. ช่วยพรรคการเมืองหาเสียง
ค. ทำตนไม่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน
ง. ทุกข้อเป็นความผิดทางวินัย
36. โทษทางวินัยข้าราชการครูต้องดำเนินการตามข้อใด
ก. 4 สถาน ข. 5 สถาน
ค. 6 สถาน ง. 7 สถาน
37. การลงโทษทางวินัยข้าราชการครูต้องดำเนินการตามข้อใด
ก. ต้องทำเป็นคำสั่ง ข. ต้องทำเป็นประกาศของสถานศึกษา
ค. ต้องทำเป็นประกาศกระทรวง ง. ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา
38. ข้อใดไม่ใช่โทษทางวินัยของข้าราชการครู
ก. ทัณฑ์บน ข. ภาคทัณฑ์
ค. ตัดเงินเดือน ง. ไล่ออก
39. การยับยั้งการอนุญาตข้าราชการครูลาออก ยับยั้งได้ไม่เกินกี่วันนับตั้งแต่วันลาออก
ก. 30 วัน ข. 60 วัน
ค. 90 วัน ง. 120 วัน
40. การอุทธรณ์คำสั่งลงโทษลดขั้นเดือนข้าราชการครูต้องอุทธรณ์ภายในกี่วันแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
ก. 30 วัน ข. 60 วัน
ค. 90 วัน ง. 120 วัน
สาระสำคัญของพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู
และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547
ความเป็นมา
สืบเนื่องจากมาตรา 81 แห่งรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 กำหนดไว้ว่ารัฐต้องจัดการศึกษาอบรมจัดให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาแห่งชาติ ปรับปรุงการศึกษาให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมจึงได้มีการตราพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ขึ้น เพื่อกำหนดให้มีการจัดระบบข้าราชการครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาขึ้นใหม่ตามที่บัญญัติไว้ในหมวด 7 โดยเฉพาะในมาตรา 54 ได้กำหนดให้มีองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งของหน่วยงานการศึกษาในระดับสถานศึกษาของรัฐและระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นข้าราชการในสังกัดองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยยึดหลักการกระจายอำนาจการบริหารงานบุคคลสู่ส่วนราชการที่บริหารและจัดการศึกษา เขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา จึงเห็นควรกำหนดให้บุคลากรที่ทำหน้าที่ด้านการบริหารและการจัดการศึกษาสังกัดอยู่ในองค์กรกลางบริหารงานบุคคลเดียวกัน และโดยที่องค์กรกลางบริหารงานบุคคลและระบบการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. 2523 ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน
1. การเปรียบเทียบอำนาจหน้าที่ขององค์คณะในการบริหารงานบุคคล
ตาม พ.ร.บ.เดิม (พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครู พ.ศ.2523) กำหนดให้มี
- คณะกรรมการข้าราชการครู (ก.ค.) อ.ก.ค. กรม อ.ก.ค.จังหวัด
ตาม พ.ร.บ.ใหม่ (พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูฯ พ.ศ.2547) กำหนดให้มี
- คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา
2. คณะกรรมการ ก.ค.ศ. ประกอบด้วยอัตราส่วน ดังนี้ (7 : 7 : 7 : = 21 คน)
- เป็นโดยตำแหน่ง 7 คน ได้แก่
- รมว.กระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน
- ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองประธาน
- กรรมการโดยตำแหน่งอีก 5 คน ได้แก่ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, เลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา, เลขาธิการคณะกรรมการอุดมศึกษา, เลขาธิการคุรุสภา และเลขาธิการ ก.พ.
- ผู้ทรงคุณวุฒิ 7 คน ซึ่ง ครม. แต่งตั้งจากบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญประสบการณ์สูง ทางด้านการศึกษา, ด้านการบริหารงานบุคคล, กฎหมาย, บริหารจัดการภาครัฐ, บริหารองค์กรการศึกษาพิเศษ, ด้านบริหารธุรกิจ หรือเศรษฐศาสตร์
- ผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 7 คน มาจาก
- ผอ.สนง. เขตพื้นที่การศึกษา 1 คน
- ผู้บริหารสถานศึกษา 1 คน
- ข้าราชการครู 4 คน
- บุคลากรทางการศึกษาอื่น 1 คน
ให้เลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นเลขานุการ และให้เลขาธิการ ก.ค.ศ. แต่งตั้งข้าราชการในสำนักงาน ก.ค.ศ. เป็นผู้ช่วยเลขานุการ 2 คน (มาตรา 7)
อำนาจหน้าที่ของ ก.ค.ศ. ทำหน้าที่บริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (รวมเขตพื้นที่การศึกษาด้วย) มีดังนี้
1. เสนอแนะให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับนโยบายการผลิต และการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตาม พ.ร.บ.นี้
2. กำหนดนโยบายวางแผนและกำหนดกรอบอัตรากำลังของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
3. ออก กฎ ระเบียบ ข้อบังคับฯ (เมื่อได้รับอนุมัติจาก ครม. ให้ใช้บังคับได้)
4. พัฒนาหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรฐานการบริหารงานบุคคล พิทักษ์ระบบคุณธรรม
ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
5. ตีความปัญหาที่เกิดขึ้นในการใช้บังคับตาม พ.ร.บ. นี้
6. วิเคราะห์ วิจัย ติดตามตรวจสอบและประเมินผลการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อรักษาความเป็นธรรมและมาตรฐานตาม พ.ร.บ. นี้
7. รับรองคุณวุฒิ เพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งฯ และการกำหนดอัตราเงินเดือนหรือค่าตอบแทนที่ควรได้รับ
8. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในเรื่องการปฏิบัติการต่าง ๆ ตามที่กำหนดใน พ.ร.บ. นี้
9. ดำเนินการพิจารณาและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย การออกจากราชการ การอุทธรณ์ การร้องทุกข์ ตามที่กำหนดใน พ.ร.บ. นี้
10. รายงานและเสนอแนะต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ในกรณีที่ปรากฏว่าส่วนราชการ, อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา, คณะอนุกรรมการหรือผู้มีหน้าที่ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.นี้
หน้าที่ของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา มีหน้าที่โดยสรุปดังนี้
1. ให้ความเห็นชอบในการบรรจุ/แต่งตั้ง การพิจารณาความดี ความชอบ และด้านอื่น ฯลฯ ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา
2. ทำการพิจารณา การดำเนินการทางวินัย การออกจากราชการ การอุทธรณ์ การร้องทุกข์ ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. นี้
3. การดำเนินการ ส่งเสริม, พัฒนา, กำกับ, ดูแล, ติดตาม, การจัดทำพัฒนาฐานข้อมูล, การรายงานประจำปี ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา
4. ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.นี้ กฎหมายอื่น หรือตามที่ ก.ค.ศ. มอบหมาย(มาตรา 23)
ตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มี 3 ประเภท ดังนี้
ก. ตำแหน่งซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้สอนในหน่วยงานการศึกษา ได้แก่ ตำแหน่งดังต่อไปนี้
(1) ครูผู้ช่วย
(2) ครู
(3) อาจารย์
(4) ผู้ช่วยศาสตราจารย์
(5) รองศาสตราจารย์
(6) ศาสตราจารย์
หมายเหตุ - ตำแหน่ง (1) ครูผู้ช่วย ต้องเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มเป็นเวลา 2 ปี
- (พ.ร.บ.เดิม ข้าราชการครูบรรจุใหม่ ต้องทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ 6 เดือน)
ข. ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษา ได้แก่ ตำแหน่งดังต่อไปนี้
(1) รองผู้อำนวยการสถานศึกษา
(2) ผู้อำนวยการสถานศึกษา
(3) รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
(4) ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
(5) รองอธิการบดี
(6) อธิการบดี
(7) ตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
หมายเหตุ (พ.ร.บ.เดิม มีตำแหน่งครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผอ.โรงเรียน ผู้ช่วยครูใหญ่
ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ผู้ช่วย ผอ.โรงเรียน)
ค. ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น มีดังต่อไปนี้
(1) ศึกษานิเทศก์
(2) ตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด หรือตำแหน่งของข้าราชการที่ ก.ค.ศ. นำมาใช้กำหนดให้เป็นตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามพระราชบัญญัตินี้
การกำหนดระดับตำแหน่ง และการให้ได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตาม ค. (2) ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎ ก.ค.ศ. โดยให้นำกฎหมายว่าด้วยระเบียบ ข้าราชการพลเรือนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดตำแหน่ง และการให้ได้รับเงินเดือนและเงินประจำ ตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญมาใช้บังคับโดยอนุโลม (มาตรา 38)
การกำหนดตำแหน่งวิทยฐานะ
ก. ตำแหน่งครู มีวิทยฐานะ ดังนี้
(1) ครูชำนาญการ
(2) ครูชำนาญการพิเศษ
(3) ครูเชี่ยวชาญ
(4) ครูเชี่ยวชาญพิเศษ
ข. ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา มีวิทยฐานะ ดังนี้
(1) รองผู้อำนวยการชำนาญการ
(2) รองผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ
(3) รองผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ
(4) ผู้อำนวยการชำนาญการ
(5) ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ
(6) ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ
(7) ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญพิเศษ
ค. ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา มีวิทยฐานะ ดังนี้
(1) รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชำนาญการพิเศษ
(2) รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชี่ยวชาญ
(3) ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชี่ยวชาญ
(4) ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชี่ยวชาญพิเศษ
ง. ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ มีวิทยฐานะ ดังนี้
(1) ศึกษานิเทศก์ชำนาญการ
(2) ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ
(3) ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ
(4) ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญพิเศษ
หมายเหตุ จะมีอัตราเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งตามกฎหมาย (ใหม่) ว่าด้วยเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ตามมาตรา 31 มาตรา 38 และมาตรา 39)
หลักการที่สำคัญตาม พ.ร.บ.นี้ ได้แก่
1. ยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี คือ ระบบคุณธรรม ความเป็นธรรม และการไม่เลือกปฏิบัติ
2. กำหนดให้ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
3. กำหนดให้มีบัญชีอัตราเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยเฉพาะ
4. กำหนดให้ ก.ค.ศ. มีอำนาจกำหนดวัน เวลา ทำงาน วันหยุดราชการตามประเพณี วันหยุดราชการประจำปี และการลาหยุดของข้าราชการครูฯ ได้เอง
การรักษาวินัย ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี แก่ผู้เรียน ชุมชน สังคม มีความสุภาพเรียบร้อย รักษาความสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อ ผู้เรียนและระหว่างข้าราชการด้วยกันหรือผู้ร่วมปฏิบัติราชการ ต้อนรับ ให้ความสะดวกให้ความเป็นธรรมต่อผู้เรียนและประชาชนผู้มาติดต่อ ราชการ (มาตรา 88)
มีหลักการดังนี้
1. การดำเนินการทางวินัยทุกกรณีต้องมี “การสอบสวน” ยกเว้น มีความผิดชัดแจ้งหรือข้อยกเว้นที่กำหนดในกฎ ก.ค.ศ.
2. การสอบสวนทางวินัยทั้ง “ร้ายแรง และไม่ร้ายแรง” ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน
3. ผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน
กรณีไม่ร้ายแรง ได้แก่ ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น
กรณีร้ายแรง ได้แก่ ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุ
4. การสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงต้องเป็นกรณี “อันมีมูลว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง” เท่านั้น
5. กรณีกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงร่วมกันในหน่วยงานการศึกษาเดียวกันหรือต่างหน่วยและอยู่ในเขตพื้นที่เดียวกัน ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาในลำดับเหนือกว่าเป็นผู้มีอำนาจสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน
สำหรับการดำเนินการวินัย ถ้ามีกรณีกระทำผิดวินัยหรือมีกรณีให้ออกจากราชการอยู่ก่อนวันที่ 24 ธันวาคม 2547 ให้ผู้บังคับบัญชาตามกฎหมาย (ใหม่) สั่งลงโทษหรือสั่งให้ออกตามกฎหมาย (เดิม) แต่การสอบสวนพิจารณาและดำเนินการเพื่อลงโทษหรือให้ออกจากราชการให้ดำเนินการตามกฎหมาย (ใหม่) เว้นแต่
(1) บังคับบัญชาได้สั่งให้สอบสวนโดยถูกต้องตามกฎหมาย (เดิม) ก็ให้สอบสวนต่อไปจนแล้วเสร็จ
(2) กรณีมีการสอบสวนหรือพิจารณาโดยถูกต้องตามกฎหมาย (เดิม) เสร็จไปก่อนแล้วให้ถือว่าการสอบสวนหรือการพิจารณานั้นเป็นอันใช้ได้
(3) กรณีมีการรายงานหรือส่งเรื่อง หรือส่งสำนวนเสนอให้ อ.ก.ค.กรม ซึ่งทำหน้าที่อ.ก.พ. กระทรวง หรือ อ.ก.พ. กระทรวง พิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย (เดิม) และยังไม่แล้วเสร็จ ก็ให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา หรือ ก.ค.ศ. พิจารณาต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ (มาตรา 134)
การกำหนดโทษทางวินัยได้กำหนดโทษทางวินัยไว้ 5 สถาน คือ
1) ภาคทัณฑ์
2) ตัดเงินเดือน
3) ลดขั้นเงินเดือน
4) ปลดออก
5) ไล่ออก
การอุทธรณ์การลงโทษทางวินัยสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
1. กรณีลงโทษไม่ร้ายแรง ให้ผู้ถูกลงโทษยื่นหนังสืออุทธรณ์ต่อ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่
การศึกษาทำการพิจารณา
2. กรณีลงโทษร้ายแรง ให้ผู้ถูกลงโทษยื่นหนังสืออุทธรณ์ต่อ ก.ค.ศ. ทำการพิจารณา
สรุปสาระพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู
ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม(พ.ศ.2551)
ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รายงานณวันที่20ธันวาคม2550
๑. จำนวนเขตพื้นที่การศึกษา ทั้งหมด ๑๗๘ (รวม ๓ เขตใน ๓ จว.ชายแดนใต้แล้ว)
๒. ส่วนราชการภายในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สพฐ. สอศ. สป.ศธ. (กศน.สถาบันพัฒนาครูฯ)
๓. ส่วนราชการภายนอกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สกอ.(วิทยาลัยชุมชน)
ก.ท่องเที่ยวและกีฬา (สถาบันการพลศึกษา) ก.วัฒนธรรม(สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์)
๔. จำนวนครูทั้งหมด ๔๖๔,๖๕๑ คน แบ่งเป็น ครูผู้ช่วย๑๓,๖๔๐ คน ครู๕๒,๖๗๘คน ครูชำนาญการ ๓๑๔,๙๔๑คน ครูชำนาญการพิเศษ๑๖,๐๗๑ คน หรือจำแนกตามสังกัด ครู สังกัด สพฐ.๔๒๐,๙๖๕คน ครูอาชีวศึกษา๑๖,๗๓๑คน ครู กศน.๑๙,๑๔๒ คน ครู วิทยาลัยชุมชน๑๑๑คน ครูสถาบันการพลศึกษา๑,๘๕๗ คน และ ครูสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ๑,๔๒๓คน
จำนวนผู้บริหารประกอบด้วย ผู้อำนวยการสถานศึกษา ๒๐,๙๕๙ คน ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา๑๗๘ คน รอง ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ๑,๙๕๘คน
๕ บุคลากรทางการศึกษาตามมาตรา ๓๘ ค (๒) ๑,๐๑๒๐คน
สาระของพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูพ.ศ.2551 ประกอบด้วย 17มาตรา สรุปสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ ได้แก่ การ ขอแก้ไข พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครู ฯ ๒๕๔๗ รวม ๑๔ มาตราเดิม ได้แก่
๑) แก้ไขมาตรา ๗ เดิม ซึ่งองค์ประกอบของ ก.ค.ศ. เดิม มี ๒๑ คน แก้เป็น ๒๙ คน
๒) แก้ไขมาตรา ๑๕ เดิมโดย เพิ่ม เรื่องการพ้นจากความเป็นผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน ก.ค.ศ. เมื่อผู้นั้นไม่ได้ดำรงตำแหน่งตามประเภทตำแหน่งที่ได้รับเลือกตั้ง
๓) แก้ไขมาตรา ๑๘ เดิม ห้ามข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นกรรมการ/อนุกรรมการตามกฎหมายนี้ มากกว่า ๑ คณะ
๔) แก้ไขมาตรา ๑๙ (๑๔) เดิม ให้ ก.ค.ศ. มีอำนาจยับยั้งชั่วคราว กรณีส่วนราชการ หน่วยงานการศึกษา อ.ก.ค.ศ. คณะอนุกรรมการ หรือผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายนี้ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนี้ หรือปฏิบัติการไม่เหมาะสม หรือปฏิบัติการโดยขัดหรือแย้งกับ กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์และวิธีการตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
๕. ) แก้ไขมาตรา ๒๑ เดิม องค์ประกอบของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา โดยเพิ่ม อนุกรรมการจาก ๙ คน เป็น ๑๒ คน
๖. ) แก้ไขมาตรา ๓๘ ข เดิม โดยตัดตำแหน่งรองอธิการบดีและอธิการบดีออก โดยให้นำกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษามาใช้บังคับโดยอนุโลม
๗. ) แก้ไขมาตรา ๔๐ เดิม การกำหนดระดับตำแหน่งและการให้ได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของคณาจารย์ เดิม ให้ออกกำหนดในกฎ ก.ค.ศ.แก้เป็นว่า ให้นำกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษามาใช้บังคับโดยอนุโลม ทำให้ไม่ต้องออกเป็นกฎ ก.ค.ศ. อีก
๘.) แก้ไขมาตรา ๕๓ (๒) (๓) เดิม ให้เลขา กพฐ. บรรจุแต่งตั้งรอง ผอ.เขตพื้นที่ฯ ซึ่งเดิม เป็นอำนาจของ ผอ.สพท.
๙) แก้ไขมาตรา ๕๓ (๖) เดิม) ในหน่วยงานการศึกษาที่สอนระดับปริญญา ให้นำกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษามาใช้บังคับ โดยให้สภาสถาบันทำหน้าที่แทน ก.ค.ศ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ.ตั้ง
๑๐.) แก้ไขมาตรา ๕๖ เดิม ปรับตัวบทใหม่เรื่องการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ๒ ปี (ทดลองปฏิบัติราชการ) สำหรับครูบรรจุใหม่ในการให้มีความชัดเจน
๑๑) แก้ไขมาตรา ๕๙ เดิม ปรับเรื่องการย้ายรอง ผอ. เขตพื้นที่ฯ โดยให้ เลขาธิการ กพฐ. เป็นผู้สั่งย้าย โดยอนุมัติ ก.ค.ศ
๑๒) แก้ไขมาตรา ๑๐๔ เดิม เรื่องรายงานการดำเนินการทางวินัย โดย วินัยไม่ร้ายแรงภายหลังจากที่ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ พิจารณาแล้วให้ รายงานหัวหน้าส่วนราชการ ส่วน วินัยร้ายแรงให้รายงาน
ก.คศ.
๑๓) แก้ไขมาตรา ๑๒๓ เดิม ให้เพิ่มวรรคสองและวรรคสามเข้ามาโดย กรณีที่ความทุกข์เกิดจากการกระทำของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง ให้ร้องทุกข์ ต่อ ก.ค.ศ.และคำวินิจฉัยของ ก.ค.ศ. ให้ถือเป็นที่สุด และ
๑๔) เพิ่มมาตรา ๑๖ บทเฉพาะกาล ให้กรรมการ ก.ค.ศ. และ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯการศึกษา ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในวันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะครบวาระ และให้ดำเนินการแต่งตั้งหรือเลือกตั้งกรรมการเพิ่มเติมให้ครบจำนวนตาม พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูพ.ศ.2547 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ภายใน หนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และให้มีวาระอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของคณะกรรมการดังกล่าว โดยให้นับเป็นวาระการดำรงตำแหน่งตามพระราชบัญญัตินี้
15) มาตรา17 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมนี้ จะได้นำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยต่อไป คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในต้นปี 2551
#คลิ๊กดูแนวข้อสอบราชการที่ www.โหลดแนวข้อสอบราชการ.com
#รวมข้อสอบที่ออกบ่อยๆ รวบรวมโดยอาจารย์ของสถาบัน
#เจาะลึกครอบคุมตรงประเด็น เนื้อหาสาระสำคัญ ข่าวสารทันโลก
#จำหน่ายแนวข้อสอบมานานกว่า 10 ปี การรันตีจากผู้สอบติดมากมาย
#รวมหนังสือหรือไฟล์ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาไปนั่งติว
แนวข้อสอบมี 2 รูปแบบ
1.แบบที่ 1 รอรับได้เลย ราคาเพียง 399 บาท (รอรับ 1-2 ชม หลังโอน)
2.แบบที่ 2 หนังสือ **ฟรี MP3** ราคา 699 บาท (ส่งฟรีขนส่งเอกชน)
ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อแนวข้อสอบ
โทร: 082-8551615 (คุณปาณิสรา)
Line ID : Panisara_test หรือคลิ๊กสั่งซื้อทันที
ชำระค่าสินค้าและบริการ
-ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 983-0-97701-3
-ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 549-2-17930-4
(ชื่อบัญชี ปาณิสรา พระกาย ออมทรัพย์ )