แนวข้อสอบพระราชบัญญัติ
ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551
1.พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ให้ไว้ เมื่อใด
ก. วันที่ 20 มกราคม 2551
ข. วันที่ 21 มกราคม 2551
ค. วันที่ 22 มกราคม 2551
ง. วันที่ 23 มกราคม 2551
จ. วันที่ 25 มกราคม 2551
2. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิ
และเสรีภาพของบุคคล ตาม ให้กระทำได้ ข้อใดถูกต้อง
ก. มาตรา 29 มาตรา 31 มาตรา 33 มาตรา 43 และมาตรา 64
ข. มาตรา 30 มาตรา 34 มาตรา 36 มาตรา 49 และมาตรา 50
ค. มาตรา 22 มาตรา 39 มาตรา 33 มาตรา 56 และมาตรา 72
ง. มาตรา 20 มาตรา 25 มาตรา 35 มาตรา 38 และมาตรา 65
จ. มาตรา 25 มาตรา 35 มาตรา 33 มาตรา 43 และมาตรา 82
3. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551ให้ตรา
พระราชบัญญัติขึ้นได้โดยคำแนะนำและยินยอมของใคร
ก. รัฐสภา ข. สภาผู้แทนราษฎร
ค. วุฒิสภา ง. ทั้งข้อ ข และข้อ ค
จ. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
4. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551ให้ใช้บังคับตั้งแต่เมื่อใด
ก. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 30 วัน
ค. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 45 วัน
ง. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 60 วัน
จ. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วัน
5. “ข้าราชการพลเรือน” หมายถึง ข้อใดถูกต้อง
ก. บุคคลซึ่งได้รับบรรจุและแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551ให้
รับราชการโดยได้รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณในกระทรวง กรมฝ่ายพลเรือน
ข. บุคคลซึ่งได้รับบรรจุและแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551ให้
รับราชการโดยได้รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณประมาณแผ่นดิน
ค. บุคคลซึ่งได้รับบรรจุและแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551ให้
รับราชการโดยได้รับเงินเดือนจากกรมบัญชีกลาง ในหมวดเงินเดือน
ง. บุคคลซึ่งได้รับบรรจุและแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551ให้
รับราชการโดยได้รับเงินเดือนจากสำนักงบประมาณ ในหมวดเงินเดือน
จ. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
6. “รัฐมนตรีเจ้าสังกัด” หมายถึง ข้อใดถูกต้อง
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ข. รัฐมนตรีว่าการทบวง
ค. นายกรัฐมนตรี
ง. ถูกทั้งข้อ ก และข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
7. ให้มีคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนโดยตำแหน่ง ข้อใดถูกต้อง
ก. นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
ข. ปลัดกระทรวงการคลัง
ค. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ง. เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
จ. ถูกทุกข้อ
8. ใครเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
ก. นายกรัฐมนตรี
ข. รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน
ค. ปลัดกระทรวงการคลัง
ง. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
จ. ถูกทั้งข้อ ก และข้อ ข
9. กรรมการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิด้าน
การบริหารทรัพยากรบุคคลด้านการบริหารและการจัดการ และด้านกฎหมาย ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์
ในความสามารถมาแล้ว และเป็นผู้ที่ได้รับการสรรหาตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎ
ก.พ. จำนวนเท่าใด
ก. ไม่น้อยกว่า 4 คนแต่ไม่เกิน 6คน
ข. ไม่น้อยกว่า 4 คนแต่ไม่เกิน 7 คน
ค. ไม่น้อยกว่า 5 คนแต่ไม่เกิน 7 คน
ง. ไม่น้อยกว่า 5 คนแต่ไม่เกิน 8 คน
จ. ไม่น้อยกว่า 5 คนแต่ไม่เกิน 9 คน
10. ใครเป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
ก. รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
ข. ปลัดกระทรวงการคลัง
ค. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ง. เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
จ. เลขาธิการ ก.พ.
11. กรรมการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้อยู่ในตำแหน่ง ได้
คราวละกี่ปี
ก. 2 ปี
ข. 3 ปี
ค. 4 ปี
ง. 5 ปี
จ. 7 ปี
12. ถ้าตำแหน่งกรรมการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนว่างลงก่อนกำหนดและยังมีกรรมการ ดังกล่าว
เหลืออยู่อีกไม่น้อยกว่ากี่คน ให้กรรมการที่เหลือปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้
ก. 2 คน ข. 3 คน
ค. 4 คน ง. 5 คน
จ. 7 คน
13. เมื่อตำแหน่งกรรมการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนว่างลงก่อนกำหนดให้ดำเนินการแต่งตั้ง
กรรมการแทนภายในกำหนดกี่วัน
ก. 15 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
จ. 90 วัน
14. เมื่อตำแหน่งกรรมการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนว่างลงวาระของกรรมการเหลือไม่ถึงกี่วันจะ
ไม่แต่งตั้งกรรมการแทนก็ได้
ก. 180 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
จ. 90 วัน
15. ก.พ. มีอำนาจหน้าที่ ข้อใดถูกต้อง
ก. เสนอแนะและให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหาร
ทรัพยากรบุคคลภาครัฐในด้านมาตรฐานค่าตอบแทน การบริหารและการพัฒนาทรัพยากร
บุคคล รวตลอดทั้งการวางแผนกำลังคนและด้านอื่น ๆ เพื่อให้ส่วนราชการใช้เป็นแนวทางใน
การดำเนินการ
ข. รายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาปรับปรุงเงินเดือน
เงินประจำตำแหน่งเงินเพิ่มค่าครองชีพ สวัสดิการ หรือประโยชน์เกื้อกูลอื่นสำหรับข้าราชการ
ฝ่ายพลเรือนให้เหมาะสม
ค. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรฐานการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลของข้าราชการ
พลเรือน เพื่อส่วนราชการใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการ
ง. ให้ความเห็นชอบกรอบอัตรากำลังของส่วนราชการ
จ. ถูกทุกข้อ
16. ก.พ. มีอำนาจหน้าที่ ข้อใดถูกต้อง
ก. ออกกฎ ก.พ. และระเบียบเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลเพื่อปฏิบัติการตาม
พระราชบัญญัตินี้ รวมตลอดทั้งการให้คำแนะนำหรือวางแนวทางในการปฏิบัติการ ตาม
พระราชบัญญัตินี้ กฎ ก.พ. เมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานุเบกษา
แล้วให้ใช้บังคับได้
ข. ตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้ รวมตลอดทั้ง
กำหนดแนวทางปฏิบัติในกรณีที่เป็นปัญหา มติของ ก.พ. ตามข้อนี้ เมื่อได้รับความเห็นชอบจาก
คณะรัฐมนตรีแล้ว ให้ใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
ค. กำกับ ดูแล ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการพล
เรือนในกระทรวงและกรม เพื่อรักษาความเป็นธรรมและมาตรฐานด้านการบริหารทรัพยากร
บุคคล รวมทั้งตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ในการนี้ให้มีอำนาจเรียก
เอกสารและหลักฐานจากส่วนราชการ หรือให้ผู้แทนส่วนราชการ ข้าราชการหรือบุคคลใด ๆ
มาชี้แจงข้อเท็จจริง และให้มีอำนาจออกระเบียบให้กระทรวง และกรมรายงาน เกี่ยวกับการ
บริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการพลเรือนที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ไปยัง ก.พ.
ง. กำหนดนโยบายและออกระเบียบเกี่ยวกับทุนเล่าเรียนหลวงและทุนของรัฐบาลให้สอดคล้องกับ
นโยบายการบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการฝ่ายพลเรือน ตลอดจนจัดสรรผู้รับทุนที่
สำเร็จการศึกษาแล้วเข้ารับราชการในกระทรวงและกรมหรือหน่วยงานของรัฐ
จ.ถูกทุกข้อ
17. ก.พ. มีอำนาจหน้าที่ ข้อใดถูกต้อง
ก. ออกข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการจัดการการศึกษาและควบคุมดูแลและการให้ความ
ช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ นักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง นักเรียนทุนของรัฐบาลและนักเรียนทุน
ส่วนตัวที่อยู่ในความดูแลของ
ข. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อรับรองคุณวุฒิของผู้ได้รับปริญญาประกาศนียบัตรวิชาชีพ
หรือคุณวุฒิอย่างอื่นเพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือน และการ
กำหนดอัตราเงินเดือนหรือค่าตอบแทน รวมทั้งระดับตำแหน่งและประเภทตำแหน่ง
ค. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการปฏิบัติการเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคล
ง. พิจารณาจัดระบบทะเบียนประวัติและแก้ไขทะเบียนประวัติเกี่ยวกับวัน เดือน ปีเกิด และการ
ควบคุมเกษียณอายุของข้าราชการพลเรือน
จ. ถูกทุกข้อ
18. ในกรณีที่ ก.พ. มีมติว่ากระทรวง กรม หรือผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ไม่ปฏิบัติตาม
พระราชบัญญัตินี้ หรือปฏิบัติการโดยขัดหรือแย้งกับแนวทางตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ให้ ก.พ.
แจ้งให้กระทรวง กรม หรือผู้มีหน้าที่ปฏิบัติดังกล่าว ดำเนินการแก้ไข ยกเลิก หรือยุติการดำเนินการ
ดังกล่าวภายในเวลาที่กำหนด ในกรณีที่กระทรวง กรม หรือผู้มีหน้าที่ปฏิบัติ ดังกล่าว ไม่ดำเนินการตาม
มติ ก.พ. ภายในเวลาที่กำหนดโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ถือว่าใครกระทำผิดวินัย
ก. ปลัดกระทรวง
ข. อธิบดี
ค. ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติดังกล่าว
ง. ถูกทุกข้อ
จ. ไม่มีข้อใดถูก
19. การดำเนินการทางวินัยและการสั่งลงโทษให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ ก.พ. ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ
เงื่อนไขที่กำหนดในกฎ ก.พ.ในกรณีที่ผู้ไม่ปฏิบัติการตามมติ ก.พ. เป็นรัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ ก.พ.
รายงานใครเพื่อพิจารณาสั่งการตามที่เห็นสมควรต่อไป
ก. ประธานสภาผู้แทนราษฎร ข. นายกรัฐมนตรี
ค. ประธานวุฒิสภา ง. ประธานรัฐสภา
จ. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง
20. ในกรณีที่ ก.พ. เห็นว่าการบริหารทรัพยากรบุคคลในเรื่องใดที่ข้าราชการฝ่ายพลเรือนทุกประเภทหรือ
บางประเภทควรมีมาตรฐานหรือหลักเกณฑ์เดียวกัน ให้ ก.พ. จัดให้มีการประชุมเพื่อหารือร่วมกัน
ระหว่างผู้แทน ก.พ. ผู้แทน ก.พ.ร. และผู้แทนองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการฝ่ายพลเรือน
ประเภทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรฐานหรือหลักเกณฑ์กลางการบริหารทรัพยากรบุคคลใน
เรื่องนั้นเสนอต่อใคร
ก. คณะรัฐมนตรี ข. นายกรัฐมนตรี
ค. ประธานวุฒิสภา ง. ประธานรัฐสภา
จ. ประธานสภาผู้แทนราษฎร
21. สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เรียกโดยย่อว่า“สำนักงาน ก.พ.” โดยมีใคร เป็น
ผู้บังคับบัญชา ข้าราชการและบริหารราชการของสำนักงาน ก.พ. ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
ก. รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
ข. ปลัดกระทรวงการคลัง
ค. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ง. เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
จ. เลขาธิการ ก.พ.
22. สำนักงาน ก.พ. มีอำนาจหน้าที่ ข้อใดถูกต้อง
ก. เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินงานในหน้าที่ของ ก.พ. และ ก.พ.ค.และดำเนินการตามที่ ก.พ.
หรือ ก.พ.ค. มอบหมาย
ข. เสนอแนะและให้คำปรึกษาแก่กระทรวง กรม เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการและแนวทางการ
บริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐ
ค. พัฒนา ส่งเสริม วิเคราะห์ วิจัยเกี่ยวกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ระบบหลักเกณฑ์ วิธีการ และ
มาตรฐานด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการพลเรือน
ง. ติดตามและประเมินผลการบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการพลเรือน
จ. ถูกทุกข้อ
23. สำนักงาน ก.พ. มีอำนาจหน้าที่ ข้อใดถูกต้อง
ก. ดำเนินการเกี่ยวกับแผนกำลังคนของข้าราชการพลเรือน
ข. เป็นศูนย์กลางข้อมูลทรัพยากรบุคคลภาครัฐ
ค. จัดทำยุทธศาสตร์ ประสานและดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของข้าราชการ
ฝ่ายพลเรือน
ง. ส่งเสริม ประสานงาน เผยแพร่ ให้คำปรึกษาแนะนำ และดำเนินการเกี่ยวกับการจัดสวัสดิการ
และการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตสำหรับทรัพยากรบุคคลภาครัฐ
จ. ถูกทุกข้อ
24. สำนักงาน ก.พ. มีอำนาจหน้าที่ ข้อใดถูกต้อง
ก. ดำเนินการเกี่ยวกับทุนเล่าเรียนหลวงและทุนของรัฐบาลตามนโยบายและระเบียบของ ก.พ.
ข. ดำเนินการเกี่ยวกับการดูแลบุคลากรภาครัฐและนักเรียนทุนตามข้อบังคับหรือระเบียบของ ก.พ.
ค. ดำเนินการเกี่ยวกับการรับรองคุณวุฒิของผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือคุณวุฒิ
อย่างอื่น เพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือน และการกำหนดอัตรา
เงินเดือนหรือค่าตอบแทน รวมทั้งระดับตำแหน่งและประเภทตำแหน่งสำหรับคุณวุฒิ
ง. ดำเนินการเกี่ยวกับการรักษาทะเบียนประวัติและการควบคุมเกษียณอายุของข้าราชการพลเรือน
จ. ถูกทุกข้อ
25. สำนักงาน ก.พ. มีอำนาจหน้าที่ จัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลในราชการ
พลเรือนเสนอต่อใคร
ก. ก.พ. ข. คณะรัฐมนตรี
ค. ประธานรัฐสภา ง. ถูกทั้ง ข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
26. อ.ก.พ. กระทรวง ประกอบด้วยใครบ้าง ข้อใดถูกต้อง
ก. รัฐมนตรีเจ้าสังกัด เป็นประธาน
ข. ปลัดกระทรวง เป็นรองประธาน
ค. ผู้แทน ก.พ. ซึ่งตั้งจากข้าราชการพลเรือนในสำนักงาน ก.พ. หนึ่งคน เป็นอนุกรรมการโดย
ตำแหน่ง
ง. อนุกรรมการซึ่งประธาน อ.ก.พ. แต่งตั้งจาก ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ด้าน
การบริหารและการจัดการและด้านกฎหมาย ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในความสามารถมาแล้ว
และมิได้เป็นข้าราชการในกระทรวงนั้นข้าราชการพลเรือนผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร
ระดับสูงในกระทรวงนั้นซึ่งได้รับเลือกจากข้าราชการพลเรือนผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว
จ. ถูกทุกข้อ
27. อ.ก.พ. กระทรวง ประกอบด้วย อนุกรรมการซึ่งประธาน อ.ก.พ. แต่งตั้งจาก ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการ
บริหารทรัพยากรบุคคลด้านการบริหารและการจัดการและด้านกฎหมาย ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ใน
ความสามารถมาแล้ว และมิได้เป็นข้าราชการในกระทรวงนั้นจำนวนไม่เกินกี่คน
ก. 2 คน ข. 3 คน ค. 4 คน
ง. 5 คน จ. 7 คน
28. อ.ก.พ. กระทรวง ประกอบด้วยข้าราชการพลเรือนผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงใน
กระทรวงนั้นซึ่งได้รับเลือกจากข้าราชการพลเรือนผู้ดำรง ตำแหน่งดังกล่าว จำนวนไม่เกินกี่คน
ก. 2 คน ข. 3 คน
ค. 4 คน ง. 5 คน
จ. 7 คน
29. อ.ก.พ. กระทรวง มีอำนาจหน้าที่ ข้อใดถูกต้อง
ก. พิจารณากำหนดนโยบาย ระบบ และระเบียบวิธีการบริหารทรัพยากรบุคคล ในกระทรวง ซึ่ง
ต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรฐานที่ ก.พ.
ข. พิจารณาการเกลี่ยอัตรากำลังระหว่างส่วนราชการต่างๆ ภายในกระทรวง
ค. พิจารณาเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยและการสั่งให้ออกจากราชการ
ง. ถูกทั้ง ข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
30. อ.ก.พ. กรม ประกอบด้วย ข้อใดผิด
ก. อธิบดี เป็นประธาน
ข. รองอธิบดีที่อธิบดีมอบหมายหนึ่งคน เป็นรองประธาน
ค. อนุกรรมการซึ่งประธาน อ.ก.พ. แต่งตั้งจาก ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ด้าน
การบริหารและการจัดการและด้านกฎหมาย ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในความสามารถมาแล้ว
และมิได้เป็นข้าราชการในกรมนั้น ข้าราชการพลเรือนซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทบริหารหรือ
ประเภทอำนวยการในกรมนั้น ซึ่งได้รับเลือกจากข้าราชการพลเรือน ผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว
จำนวนไม่เกินหกคน
ง. ถูกทั้ง ข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
31. อ.ก.พ. กรม ประกอบด้วยอนุกรรมการซึ่งประธาน อ.ก.พ. แต่งตั้งจาก ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหาร
ทรัพยากรบุคคลด้านการบริหารและการจัดการและด้านกฎหมาย ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ใน
ความสามารถมาแล้ว และมิได้เป็นข้าราชการในกรมนั้น จำนวนไม่เกินกี่คน
ก. 2 คน ข. 3 คน
ค. 4 คน ง. 5 คน
จ. 7 คน
32. อ.ก.พ. กรม ประกอบด้วยข้าราชการพลเรือน ซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทบริหารหรือประเภทอำนวยการ
ในกรมนั้น ซึ่งได้รับเลือกจากข้าราชการพลเรือน ผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว จำนวนไม่เกินกี่คน
ก. 2 คน ข. 3 คน
ค. 4 คน ง. 5 คน
จ. 6 คน
33. อ.ก.พ. กรม มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
ก. พิจารณากำหนดนโยบาย ระบบ และระเบียบวิธีการบริหารทรัพยากรบุคคลในกรม ซึ่งต้อง
สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรฐานที่ ก.พ. กำหนดและนโยบายและระบบการ
บริหารทรัพยากรบุคคลที่ อ.ก.พ. กระทรวงกำหนด
ข. พิจารณาการเกลี่ยอัตรากำลังระหว่างส่วนราชการต่างๆ ภายในกรม
ค. พิจารณาเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยและการสั่งให้ออกจากราชการ
ง. ถูกทั้ง ข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
34. อ.ก.พ. จังหวัด ประกอบด้วย ข้อใดถูกต้อง
ก. ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน
ข. รองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายหนึ่งคน เป็นรองประธาน
ค. อนุกรรมการ ซึ่งประธาน อ.ก.พ. แต่งตั้งจาก ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ด้าน
การบริหารและการจัดการ และด้านกฎหมาย ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในความสามารถ
มาแล้ว และมิได้เป็นข้าราชการพลเรือนในจังหวัด ข้าราชการพลเรือนซึ่งดำรงตำแหน่ง
ประเภทบริหารหรือประเภทอำนวยการซึ่งกระทรวงหรือกรมแต่งตั้งไปประจำจังหวัดนั้น และ
ได้รับเลือกจากข้าราชการพลเรือนผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว
ง. ถูกทั้ง ข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
35. อ.ก.พ. จังหวัด กรณีที่แต่งตั้งจาก ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ด้านการบริหารและการจัดการ และด้านกฎหมาย ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในความสามารถมาแล้ว และมิได้เป็นข้าราชการพลเรือนใน จังหวัดนั้น จำนวนไม่เกินกี่คน
ก. 2 คน ข. 3 คน
ค. 4 คน ง. 5 คน
จ. 6 คน
36. อ.ก.พ. จังหวัด ข้าราชการพลเรือนซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทบริหารหรือประเภทอำนวยการซึ่ง
กระทรวงหรือกรมแต่งตั้งไปประจำจังหวัดนั้น และได้รับเลือกจากข้าราชการพลเรือนผู้ดำรงตำแหน่ง
ดังกล่าว จำนวนไม่เกินกี่คน ซึ่งแต่ละคนต้องไม่สังกัดกระทรวงเดียวกัน
ก. 2 คน ข. 3 คน
ค. 4 คน ง. 5 คน
จ. 6 คน
37. อ.ก.พ. จังหวัด มีอำนาจหน้าที่ ข้อใดถูกต้อง
ก. พิจารณากำหนดแนวทางและวิธีการบริหารทรัพยากรบุคคล ซึ่งต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์
วิธีการ และมาตรฐานที่ ก.พ. กำหนด
ข. พิจารณาเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยและการสั่งให้ออกจากราชการตามที่บัญญัติไว้ใน
พระราชบัญญัตินี้
ค. ปฏิบัติตามที่ อ.ก.พ. กระทรวง หรือ อ.ก.พ. กรม มอบหมาย
ง. ถูกทั้ง ข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
38. ให้มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมคณะหนึ่ง เรียกโดยย่อว่า “ก.พ.ค.” ประกอบด้วยกรรมการ
จำนวนกี่คน
ก. 2 คน ข. 3 คน
ค. 4 คน ง. 5 คน
จ. 7 คน
39. ใครเป็นเลขานุการของ ก.พ.ค.
ก. รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
ข. ปลัดกระทรวงการคลัง
ค. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ง. เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
จ. เลขาธิการ ก.พ.
40. ผู้จะได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ ก.พ.ค. ต้องมีคุณสมบัติ ข้อใดผิด
ก. เป็นหรือเคยเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน คณะกรรมการ
ข้าราชการครู คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาคณะกรรมการข้าราชการ
พลเรือนในมหาวิทยาลัย คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาหรือ
คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ
ข. เป็นหรือเคยเป็นกรรมการกฤษฎีกา
ค. รับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์หรือเทียบเท่า หรือ
ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น หรือ รับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำ
กว่าอัยการพิเศษประจำเขตหรือเทียบเท่า
ง. รับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงหรือเทียบเท่าตามที่ ก.พ.
กำหนด เป็นหรือเคยเป็นผู้สอนวิชาในสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์
เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือวิชาที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินในสถาบันอุดมศึกษา
และดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองศาสตราจารย์ แต่ในกรณีที่ดำรงตำแหน่ง
รองศาสตราจารย์ต้องดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี
จ. ไม่มีข้อใดผิด
41. ผู้จะได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ ก.พ.ค. ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่ากี่ปี
ก. 25 ปี ข. 30 ปี
ค. 35 ปี ง. 40 ปี
จ. 45 ปี
42. ผู้จะได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ ก.พ.ค. ในกรณีที่ดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ต้องดำรงตำแหน่ง
หรือเคยดำรง ตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่ากี่ปี
ก. 2 ปี ข. 3 ปี
ค. 4 ปี ง. 5 ปี
จ. 7 ปี
43. คณะกรรมการคัดเลือกกรรมการ ก.พ.ค. ประกอบด้วยข้อใดผิด
ก.ประธานศาลปกครองสูงสุด
ข. รองประธานศาลฎีกาที่ได้รับมอบหมายจากประธานศาลฎีกาหนึ่งคน
ค. กรรมการ ก.พ. ผู้ทรงคุณวุฒิหนึ่งคนซึ่งได้รับเลือกโดย ก.พ
ง. เลขาธิการ ก.พ.
จ. ไม่มีข้อใดผิด
44. คณะกรรมการคัดเลือกกรรมการ ก.พ.ค. มีหน้าที่คัดเลือกบุคคลผู้มีคุณสมบัติเป็นกรรมการ ก.พ.ค.
จำนวนเจ็ดคน
ก. 2 คน ข. 3 คน
ค. 4 คน ง. 5 คน
จ. 7 คน
45. ใครเป็นผู้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯแต่งตั้งกรรมการ ก.พ.ค.
ก. คณะรัฐมนตรี ข. นายกรัฐมนตรี
ค. ประธานวุฒิสภา ง. ประธานรัฐสภา
จ. ประธานสภาผู้แทนราษฎร
46.ใครเป็นประธาน
ก.ประธานศาลปกครองสูงสุด
ข. ประธานศาลฎีกา
ค. ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
ง. นายกรัฐมนตรี
จ. ประธานรัฐสภา
47. ใครเป็นเป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการคัดเลือกกรรมการ ก.พ.ค.
ก.ประธานศาลปกครองสูงสุด
ข. ประธานศาลฎีกา
ค. ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
ง. นายกรัฐมนตรี
จ. เลขาธิการ ก.พ.
48. กรรมการ ก.พ.ค. ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ข้อใดผิด
ก. เป็นข้าราชการ
ข. เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลใด
ค. เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหาร
พรรคการเมือง สมาชิกพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
ง. เป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจ หรือ เป็นกรรมการในองค์กรกลางบริหารงานบุคคลในหน่วยงาน
ของรัฐ
จ.ไม่มีข้อใดผิด
49. ผู้ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการ ก.พ.ค. ผู้ใดมีลักษณะต้องห้ามผู้นั้นต้องลาออกจากการเป็นบุคคลซึ่งมี
ลักษณะต้องห้ามหรือแสดงหลักฐานให้เป็นที่เชื่อได้ว่าตนได้เลิกการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพหรือ
การประกอบการอันมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวต่อเลขานุการ ก.พ.ค. ภายในกี่วันนับแต่วันที่ได้รับ
คัดเลือก
ก. 15 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
จ. 90 วัน
50. กรรมการ ก.พ.ค. มีวาระการดำรงตำแหน่งกี่ปีนับแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง และให้
ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว
ก. 2 ปี ข. 3 ปี
ค. 4 ปี ง. 5 ปี
จ. 6 ปี
51. การพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการ ก.พ.ค.พ้นจากตำแหน่งเมื่อมีอายุครบกี่ปีบริบูรณ์
ก. 60 ปี ข. 65 ปี
ค. 70 ปี ง. 75 ปี
จ. 80 ปี
52. กรรมการ ก.พ.ค.พ้นจากตำแหน่งเมื่อไม่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มเวลาอย่างสม่ำเสมอตามระเบียบของ
ก.พ.ค. ให้กรรมการ ก.พ.ค. เท่าที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ และให้ถือว่า ก.พ.ค. ประกอบด้วย
กรรมการ ก.พ.ค. เท่าที่เหลืออยู่ เว้นแต่มีกรรมการก.พ.ค.เหลืออยู่ไม่ถึงกี่คน
ก. 2 คน ข. 3 คน
ค. 4 คน ง. 5 คน
จ. 7 คน
53. ก.พ.ค. มีอำนาจหน้าที่ ข้อใดถูกต้อง
ก. เสนอแนะต่อ ก.พ. หรือองค์กรกลางบริหารงานบุคคลอื่น เพื่อให้ ก.พ.หรือองค์กรกลาง
บริหารงานบุคคลอื่น ดำเนินการจัดให้มีหรือปรับปรุงนโยบายการบริหาร ทรัพยากรบุคคลใน
ส่วนที่เกี่ยวกับการพิทักษ์ระบบคุณธรรม
ข. พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์
ค. พิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์
ง. พิจารณาเรื่องการคุ้มครองระบบคุณธรรม หรือ แต่งตั้งบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะ
ต้องห้ามตามที่ ก.พ.ค.กำหนด เพื่อเป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือเป็นกรรมการวินิจฉัยร้อง
ทุกข์
จ. ถูกทุกข้อ
54. การจัดระเบียบข้าราชการพลเรือนต้องเป็นไปเพื่อผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพ
และความคุ้มค่า โดยให้ข้าราชการปฏิบัติราชการข้อใดถูกต้อง
ก.ข้าราชการปฏิบัติราชการอย่างมีคุณภาพ
ข.ข้าราชการปฏิบัติราชการอย่างมี คุณธรรม
ค.ข้าราชการปฏิบัติราชการอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ง. ถูกทั้ง ข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
55.ข้าราชการพลเรือนมี กี่ประเภท
ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท
ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท
จ. 7 ประเภท
56. ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ได้แก่ ข้าราชการพลเรือนซึ่งรับราชการโดยได้รับบรรจุแต่งตั้งให้ดำรง
ตำแหน่งในพระองค์พระมหากษัตริย์ตามที่กำหนดใน
ก. พระราชกฤษฎีกา ข. พระราชกำหนด
ค. พระราชบัญญัติ ง. กฎกระทรวง
จ. ประกาศกระทรวง
57. ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าเท่าใด
ก. 15 ปี ข. 16 ปี
ค. 17 ปี ง. 18 ปี
จ. 20 ปี
58. ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามกรณีเป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก
ปลดออก หรือไล่ออกจากรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ นั้นต้องออกจากงานหรือออกจาก
ราชการไปเกินกี่ปีแล้ว
ก. 2 ปี ข. 3 ปี
ค. 4 ปี ง. 5 ปี
จ. 6 ปี
59. ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามกรณีเป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก
หรือปลดออก เพราะกระทำผิดวินัยตามพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551นั้นต้องออกจาก
งาน หรือออกจากราชการไปเกินกี่ปีแล้ว
ก. 2 ปี ข. 3 ปี
ค. 4 ปี ง. 5 ปี
จ. 6 ปี
60. ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามกรณีเป็นผู้เคยถูกลงโทษไล่ออก
เพราะกระทำผิดวินัยตามพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 หรือตามกฎหมายอื่นผู้นั้นต้อง
ออกจากงานหรือออกจากราชการไปเกินกี่ปีแล้วและต้องมิใช่เป็นกรณีออกจากงานหรือออกจาก
ราชการเพราะทุจริตต่อหน้าที่ มติของ ก.พ.ในการยกเว้นดังกล่าวต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสี่ในห้า
ของจำนวนกรรมการที่มาประชุมการลงมติให้กระทำโดยลับ
ก. 2 ปี ข. 3 ปี
ค. 4 ปี ง. 5 ปี
จ. 6 ปี
61. วันเวลาทำงาน วันหยุดราชการตามประเพณี วันหยุดราชการประจำปี และการลาหยุดราชการของ
ข้าราชการพลเรือน ให้เป็นไปตามที่ใครกำหนด
ก. คณะรัฐมนตรี ข. นายกรัฐมนตรี
ค. รัฐสภา ง. มติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
จ. ธนาคารแห่งประเทศไทย
62. การจัดระเบียบข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ให้คำนึงถึง
ระบบใด
ก. ระบบคุณธรรม ข. ระบบนิติธรรม
ค. ระบบความเสมอภาค ง. ระบบอุปถัมภ์
จ. ถูกทุกข้อ
63. การรับบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
ก. ความรู้ความสามารถของบุคคล
ข. ความเสมอภาค
ค. ความเป็นธรรม
ง. ประโยชน์ของทางราชการ
จ. ถูกทุกข้อ
64. ข้อใดถูกต้อง
ก. การบริหารทรัพยากรบุคคล ต้องคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพขององค์กรและลักษณะ
ของงาน โดยไม่เลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
ข. การพิจารณาความดีความชอบ การเลื่อนตำแหน่ง และการให้ประโยชน์อื่นแก่ข้าราชการต้อง
เป็นไปอย่างเป็นธรรมโดย พิจารณาจากผลงาน ศักยภาพ และความประพฤติจะนำความคิดเห็น
ทางการเมืองหรือสังกัดพรรคการเมืองมาประกอบการพิจารณามิได้
ค. การดำเนินการทางวินัย ต้องเป็นไปด้วยความยุติธรรมและโดยปราศจากอคติ
ง. การบริหารทรัพยากรบุคคลต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง
จ. ถูกทุกข้อ
65. ตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญมีกี่ประเภท
ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท
ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท
จ. 7 ประเภท
66. ตำแหน่งประเภทบริหาร คือ ตำแหน่งใด
ก. ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ
ข. ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ำกว่าระดับกรม
ค. รองหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม และตำแหน่งอื่นที่
ก.พ. กำหนด
ง. ถูกทั้ง ข้อ ก และ ข้อ ค
จ. ถูกทุกข้อ
67. ตำแหน่งประเภทอำนวยการ คือ ตำแหน่งใด
ก. ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ
ข. ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ำกว่าระดับกรม
ค. รองหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม และตำแหน่งอื่นที่ ก.พ. กำหนด
ง. ถูกทั้ง ข้อ ก และ ข้อ ค
จ. ถูกทุกข้อ
68. ตำแหน่งประเภทวิชาการ ได้แก่ ตำแหน่งที่จำเป็นต้องใช้ผู้สำเร็จการศึกษาระดับใดตามที่ ก.พ. กำหนด
เพื่อปฏิบัติงานในหน้าที่ของตำแหน่งนั้น
ก. ประถมศึกษา ข. มัธยมศึกษา
ค. อนุปริญญา ง. ปริญญา
จ. ไม่มีข้อใดถูก
69. ระดับตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งประเภทบริหาร มีกี่ระดับ
ก. 2 ระดับ ข. 3 ระดับ
ค. 4 ระดับ ง. 5 ระดับ
จ. 6 ระดับ
70. ระดับตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งประเภอำนวยการ มีกี่ระดับ
ก. 2 ระดับ ข. 3 ระดับ
ค. 4 ระดับ ง. 5 ระดับ
จ. 6 ระดับ
71. ระดับตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งประเภทวิชาการมีกี่ระดับ
ก. 2 ระดับ ข. 3 ระดับ
ค. 4 ระดับ ง. 5 ระดับ
จ. 6 ระดับ
72. ระดับตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งประเภททั่วไป มีกี่ระดับ
ก. 2 ระดับ ข. 3 ระดับ
ค. 4 ระดับ ง. 5 ระดับ
จ. 6 ระดับ
73. ตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญจะมีในส่วนราชการใด จำนวนเท่าใด และเป็นตำแหน่งประเภทใด
สายงานใด ระดับใดให้เป็นไปตามที่ใครกำหนด
ก. อ.ก.พ. กระทรวง ข. อ.ก.พ. กรม
ค. อ.ก.พ. จังหวัด ง. เลขาธิการ ก.พ.
จ. นายกรัฐมนตรี
74. ตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญจะมีในส่วนราชการใด จำนวนเท่าใด และเป็นตำแหน่งประเภทใด
สายงานใด ระดับใดโดยต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
ก.ประสิทธิภาพ ข. ประสิทธิผล
ค. ความไม่ซ้ำซ้อน ง. ประหยัดเป็นหลัก
จ. ถูกทุกข้อ
75. ตามพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ข้อใดถูกต้อง
ก. ให้ ก.พ. จัดทำมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง โดยจำแนกตำแหน่งเป็นประเภทและสายงานตาม
ลักษณะงาน และจัดตำแหน่งในประเภทเดียวกันและสายงานเดียวกันที่คุณภาพของงานเท่ากัน
โดยประมาณเป็นระดับเดียวกัน ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงลักษณะหน้าที่ความรับผิดชอบและคุณภาพ
ของงาน
ข. ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินตำแหน่งใดบังคับบัญชาข้าราชการ
พลเรือนในส่วนราชการหรือหน่วยงานใด ในฐานะใด ให้เป็นไปตามที่ผู้บังคับบัญชาซึ่งมี
อำนาจสั่งบรรจุ กำหนด โดยทำเป็นหนังสือ
ค. เงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญที่ได้รับอยู่เดิมเข้าสู่อัตราในบัญชีที่ได้รับการ
ปรับใหม่ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
ง. ถูกทั้ง ข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
76. คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงหรือเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือน
สามัญให้เหมาะสมยิ่งขึ้นตามหรือเงินประจำตำแหน่งเพิ่มไม่เกินร้อยละเท่าใดของเงินเดือน
ก. ร้อยละ 3 ข. ร้อยละ 5
ค. ร้อยละ 10 ง. ร้อยละ 15
จ. ร้อยละ 20
77. คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงหรือเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือน
สามัญให้เหมาะสมยิ่งขึ้นตามความจำเป็นก็ได้ โดยหากเป็นการปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูง หรือเงิน
ประจำตำแหน่งที่ใช้บังคับอยู่ ให้กระทำได้โดย
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. พระราชกำหนด ง. กฎกระทรวง
จ. ประกาศกระทรวง
78. การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทบริหารระดับสูงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมที่
อยู่ในบังคับบัญชาหรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี แล้วแต่
กรณีให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดนำเสนอใครเพื่อพิจารณาอนุมัติ
ก. นายกรัฐมนตรี ข. คณะรัฐมนตรี
ค. ประธานวุฒิสภา ง. ประธานสภาผู้แทนราษฎร
จ. ประธานรัฐสภา
79. จากข้อ 78 เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเป็นผู้สั่งบรรจุ และให้ใครนำความกราบบังคมทูล
เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง
ก. นายกรัฐมนตรี ข. คณะรัฐมนตรี
ค. ประธานวุฒิสภา ง. ประธานสภาผู้แทนราษฎร
จ. ประธานรัฐสภา
80. การบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงตำแหน่งรองหัวหน้าส่วนราชการระดับ
กระทรวง หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม รองหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือ
รับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี แล้วแต่กรณี หรือตำแหน่งอื่นที่
ก.พ. กำหนดเป็นตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ให้ปลัดกระทรวงผู้บังคับบัญชา หรือหัวหน้าส่วน
ราชการระดับกรมที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือ
ต่อรัฐมนตรี แล้วแต่กรณีเสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อนำเสนอใครพิจารณาอนุมัติ
ก. นายกรัฐมนตรี ข. คณะรัฐมนตรี
ค. ประธานวุฒิสภา ง. ประธานสภาผู้แทนราษฎร
จ. ประธานรัฐสภา
81. จากข้อ80 เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว ให้ใครซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาหรือหัวหน้าส่วนราชการระดับกรม
ดังกล่าวเป็นผู้สั่งบรรจุ และให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
แต่งตั้ง
ก. นายกรัฐมนตรี ข. คณะรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรี ง. ปลัดกระทรวง
จ. อธิบดี
82. การบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับต้นให้ใครซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา หรือ
หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อ
นายกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี แล้วแต่กรณีเป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง
ก. นายกรัฐมนตรี ข. คณะรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรี ง. ปลัดกระทรวง
จ. อธิบดี
83. การบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการ ประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการ ชำนาญ
การ ชำนาญการพิเศษและเชี่ยวชาญ และประเภททั่วไปในสำนักงาน รัฐมนตรี ให้ใครป็นผู้มีอำนาจสั่ง
บรรจุและแต่งตั้ง
ก. นายกรัฐมนตรี ข. คณะรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีเจ้าสังกัด ง. ปลัดกระทรวง
จ. อธิบดี
84. การบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับสูงให้ใครซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา หรือ
หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อ
นายกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี แล้วแต่กรณีเป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง
ก. นายกรัฐมนตรี ข. คณะรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีเจ้าสังกัด ง. ปลัดกระทรวง
จ. อธิบดี
85. การบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับต้น ให้ใครซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา
เป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งเมื่อได้รับความเห็นชอบจากปลัดกระทรวงส่วนการบรรจุและแต่งตั้ง
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับต้น
ก. นายกรัฐมนตรี ข. คณะรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีเจ้าสังกัด ง. ปลัดกระทรวง
จ. อธิบดี
86. การบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดนำเสนอ
เพื่อพิจารณาอนุมัติ เมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้ใครเป็นผู้สั่งบรรจุ และให้นายกรัฐมนตรี
นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง
ก. นายกรัฐมนตรี ข. คณะรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีเจ้าสังกัด ง. ปลัดกระทรวง
จ. อธิบดี
87. การบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญให้ใครหรือหัวหน้าส่วนราชการ
ระดับกรมที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือต่อ
รัฐมนตรี แล้วแต่กรณี เป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง
ก. นายกรัฐมนตรี ข. คณะรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีเจ้าสังกัด ง. ปลัดกระทรวง
จ. อธิบดี
88. การบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการพิเศษ และตำแหน่งประเภท
ทั่วไประดับทักษะพิเศษให้ใครซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา เป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งเมื่อได้รับความ
เห็นชอบจากปลัดกระทรวง ส่วนการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรง
ก. นายกรัฐมนตรี ข. คณะรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีเจ้าสังกัด ง. ปลัดกระทรวง
จ. อธิบดี
89. ตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการพิเศษ และตำแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ ในส่วน
ราชการระดับกรมที่หัวหน้าส่วนราชการอยู่ในบังคับบัญชาหรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อ
นายกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี แล้วแต่กรณี ให้ใครซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและ
แต่งตั้ง
ก. นายกรัฐมนตรี ข. คณะรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีเจ้าสังกัด ง. ปลัดกระทรวง
จ. อธิบดี
90. การบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ชำนาญการ ตำแหน่งประเภท
ทั่วไประดับปฏิบัติงาน ชำนาญงาน และอาวุโส ให้อธิบดีผู้บังคับบัญชา หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจาก
ใครผู้บังคับบัญชา เป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง
ก. นายกรัฐมนตรี ข. คณะรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีเจ้าสังกัด ง. ปลัดกระทรวง
จ. อธิบดี
91. การบรรจุและแต่งตั้ง และการย้าย ให้ดำรงตำแหน่ง ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ
ในราชการบริหารส่วนภูมิภาค ให้ใครซึ่งผู้บังคับบัญชา เป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง
ก. ผู้ว่าราชการจังหวัด ข. คณะรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีเจ้าสังกัด ง. ปลัดกระทรวง
จ. อธิบดี
92. ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารผู้ใดปฏิบัติหน้าที่เดียวติดต่อกันเป็นเวลาครบ
กี่ปี ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ ดำเนินการให้มีการสับเปลี่ยนหน้าที่ ย้าย หรือโอนไปปฏิบัติ
หน้าที่อื่น
ก. 2 ปี ข. 3 ปี
ค. 4 ปี ง. 5 ปี
จ. 6 ปี
93. จากข้อ 93 ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการจะขออนุมัติคณะรัฐมนตรีให้คงอยู่
ปฏิบัติหน้าที่เดิมต่อไปเป็นเวลาไม่เกินกี่ปีก็ได้
ก. 2 ปี ข. 3 ปี
ค. 4 ปี ง. 5 ปี
จ. 6 ปี
94. ในกรณีที่หน่วยงานใดมีคำพิพากษาถึงที่สุดสั่งให้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้
เป็นหน้าที่ของ ก.พ. โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีในการสั่งการตามสมควรเพื่อเยียวยาและ
แก้ไขหรือดำเนินการตามที่เห็นสมควรได้
ก. ศาลปกครอง ข. ศาลอาญา
ค. ศาลรัฐธรรมนูญ ง. ศาลแพ่ง
จ. ศาลฎีกา
95.ข้าราชการพลเรือนสามัญต้องไม่กระทำการใดอันเป็นข้อห้ามข้อใดถูก
ก. ต้องไม่รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา การรายงานโดยปกปิดข้อความซึ่งควรต้องแจ้ง ถือว่าเป็น
การรายงานเท็จด้วย
ข. ต้องไม่ปฏิบัติราชการอันเป็นการกระทำการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตนเว้นแต่ผู้บังคับบัญชา
เหนือตนขึ้นไปเป็นผู้สั่งให้กระทำหรือได้รับอนุญาตเป็นพิเศษชั่วครั้งคราว
ค. ต้องไม่อาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนหาประโยชน์ให้แก่ตนเอง
หรือผู้อื่นหรือ ต้องไม่ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ
ง. ต้องไม่กระทำการหรือยอมให้ผู้อื่นกระทำการหาผลประโยชน์อันอาจทำให้เสียความเที่ยงธรรม
หรือเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตน
จ. ถูกทุกข้อ
96. ข้าราชการพลเรือนสามัญต้องไม่กระทำการใดอันเป็นข้อห้ามข้อใดถูก
ก. ต้องไม่เป็นกรรมการผู้จัดการ หรือผู้จัดการ หรือดำรงตำแหน่งอื่นใดที่มีลักษณะงานคล้ายคลึง
กันนั้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
ข. ต้องไม่กระทำการอย่างใดที่เป็นการกลั่นแกล้ง กดขี่ หรือข่มเหงกันในการปฏิบัติราชการ
ค. ต้องไม่กระทำการอันเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ
ง. ต้องไม่ดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่ หรือข่มเหงประชาชนผู้ติดต่อราชการ
จ. ถูกทุกข้อ
97. ข้อใดเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ก. ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้
หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต
ข. ละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่าง
ร้ายแรง
ค. ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกิน 15 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือ
โดยมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ
ง. กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
จ.ถูกทุกข้อ
98. ข้อใดเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ก. ดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่ ข่มเหง หรือทำร้ายประชาชนผู้ติดต่อราชการอย่างร้ายแรง
ข. กระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกหรือโทษที่หนักกว่าโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุด
ให้จำคุกหรือให้รับโทษที่หนักกว่าโทษจำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดย
ประมาทหรือความผิดลหุโทษ
ค. ละเว้นการกระทำหรือกระทำการใดๆ อันเป็นการไม่ปฏิบัติหรือฝ่าฝืนข้อห้าม อันเป็นเหตุให้
เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง
ง. ถูกทั้ง ข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
99. โทษทางวินัยมีกี่สถาน
ก. 2 สถาน ข. 3 สถาน
ค. 4 สถาน ง. 5 สถาน
จ. 6 สถาน
100. ข้อใดคือโทษวินัยข้าราชการพลเรือน
ก. ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ข. ลดเงินเดือน
ค. ปลดออก ง. ไล่ออก
จ. ถูกทุกข้อ
101. ข้อถูกต้องเกี่ยวกับวินัยข้าราชการพลเรือน
ก. การลงโทษข้าราชการพลเรือนสามัญให้ทำเป็นคำสั่ง ผู้สั่งลงโทษต้องสั่งลงโทษให้เหมาะสม
กับความผิดและต้องเป็นไปด้วยความยุติธรรมและโดยปราศจากอคติโดยในคำสั่งลงโทษให้
แสดงว่าผู้ถูกลงโทษกระทำผิดวินัยในกรณีใดและตามมาตราใด
ข. เมื่อมีการกล่าวหาหรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่าข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดกระทำผิดวินัย ให้
ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ต้อง รายงานให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุทราบโดยเร็ว และให้
ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ ดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้โดยเร็วด้วยความยุติธรรม
และโดยปราศจากอคติ
ง. ผู้บังคับบัญชาหรือผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ ผู้ใดละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติ
หน้าที่โดยไม่สุจริตให้ถือว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัย
จ. ถูกทุกข้อ
102. ข้อถูกต้องเกี่ยวกับวินัยข้าราชการพลเรือน
ก. เมื่อได้รับรายงาน หรือความดังกล่าวปรากฏต่อผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ ให้
ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุรีบดำเนินการหรือสั่งให้ดำเนินการสืบสวนหรือพิจารณาใน
เบื้องต้นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัยหรือไม่ ถ้าเห็นว่ากรณีไม่มีมูลที่ควร
กล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยก็ให้ยุติเรื่องได้
ข. ในกรณีที่ผลการสืบสวนหรือพิจารณา ปรากฏว่า กรณีมีมูลถ้าความผิดนั้นมิใช่เป็นความผิดวินัย
อย่างร้ายแรง และได้แจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ พร้อมทั้งรับ
ฟังคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาได้
ผิดตามข้อกล่าวหา ให้ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษตามควรแก่กรณีโดยไม่ตั้งคณะกรรมการ
สอบสวนก็ได้ถ้าผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้กระทำผิดตามข้อ
กล่าวหา ให้ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวสั่งยุติเรื่อง
ค. ในกรณีที่ผลการสืบสวนหรือพิจารณา ปรากฏว่ากรณีมีมูลอันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้
ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ในการสอบสวนต้องแจ้งข้อ
กล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ พร้อมทั้งรับฟังคำชี้แจงของผู้ถูก
กล่าวหา เมื่อคณะกรรมการสอบสวนดำเนินการเสร็จ ให้รายงานผลการสอบสวนและความเห็น
ต่อผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ ถ้าผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหา
ไม่ได้ กระทำผิดตามข้อกล่าวหา ให้สั่งยุติเรื่องแต่ถ้าเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำผิดตามข้อ
กล่าวหาให้ดำเนินการต่อไป แล้วแต่กรณี
ง. ถูกทั้งข้อ ก และข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
103. การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนสำหรับกรณีที่ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งต่างกัน หรือต่าง
กรมหรือต่างกระทรวงกันถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร่วมกันให้ดำเนินการ กรณีสำหรับข้าราชการพล
เรือนสามัญในกรมเดียวกัน ที่อธิบดีหรือ ปลัดกระทรวงถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร่วมกับผู้อยู่ใต้
บังคับบัญชา ให้ใครแล้วแต่กรณี เป็นผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน
ก. ปลัดกระทรวง ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ค. อธิบดีกรม ง. ถูกทั้ง ข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
104. การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนสำหรับกรณีที่ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งต่างกัน หรือต่าง
กรมหรือต่างกระทรวงกันถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร่วมกันให้ดำเนินการ กรณี สำหรับข้าราชการพล
เรือนสามัญต่างกรมในกระทรวงเดียวกันถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร่วมกัน ให้ใครเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง
คณะกรรมการสอบสวน
ก. ปลัดกระทรวง ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ค. อธิบดีกรม ง. ถูกทั้ง ข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
105. การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนสำหรับกรณีที่ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งต่างกัน หรือต่าง
กรมหรือต่างกระทรวงกันถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร่วมกันให้ดำเนินการ กรณี สำหรับข้าราชการพล
เรือนสามัญต่างกรมในกระทรวงเดียวกันถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร่วมกัน ในเป็นกรณีที่
ปลัดกระทรวงถูกกล่าวหาร่วมด้วย ให้ใครเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวน
ก. คณะรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ค. สภาผู้แทนราษฎร ง. นายกรัฐมนตรี
จ. ศาลปกครอง
106. สำหรับข้าราชการพลเรือนสามัญต่างกระทรวงกันถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร่วมกัน ให้
ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ ร่วมกันแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เว้นแต่เป็นกรณีที่มีผู้ถูก
กล่าวหาดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงร่วมด้วย ให้ใครเป็นผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน
ก. คณะรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ค. สภาผู้แทนราษฎร ง. นายกรัฐมนตรี
จ. ศาลปกครอง
107. ข้อใดถูกต้อง เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การดำเนินการทางวินัย
ก.ในกรณีที่เป็นความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งตามที่กำหนดในกฎ ก.พ. จะดำเนินการทางวินัยโดยไม่
ต้องสอบสวนก็ได้
ข. กรณีมีเหตุอันควรลดหย่อน จะนำมาประกอบการพิจารณาลดโทษก็ได้ แต่สำหรับการลงโทษ
ภาคทัณฑ์ให้ใช้เฉพาะกรณีกระทำผิดวินัยเล็กน้อย
ค. ผู้ใดถูกลงโทษปลดออก ให้มีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญเสมือนว่าผู้นั้นลาออกจากราชการ
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
108. ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ สั่ง
ลงโทษ อย่างไรบ้าง
ก. ภาคทัณฑ์ ข. ตัดเงินเดือน
ค. ลดเงินเดือนตามควรแก่กรณีให้เหมาะสมกับความผิด
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
109. ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ลงโทษ
ก. ปลดออก ข.ไล่ออก
ค. ตัดเงินเดือน ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
110. ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามความร้ายแรงแห่งกรณี ถ้ามีเหตุอันควร
ลดหย่อนจะนำมาประกอบการพิจารณาลดโทษก็ได้ แต่ห้ามมิให้ลดโทษลงต่ำกว่า
ก. ปลดออก ข.ไล่ออก
ค. ตัดเงินเดือน ง. ลดขั้นเงินเดือน
จ. ภาคทัณฑ์
111. ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก. ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดให้ข้อมูลต่อผู้บังคับบัญชาหรือให้ถ้อยคำในฐานะพยานต่อผู้มี
หน้าที่สืบสวนสอบสวนหรือตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการอันเป็น
ประโยชน์และเป็นผลดียิ่งต่อทางราชการ ผู้บังคับบัญชาอาจพิจารณาให้บำเหน็จความชอบเป็น
กรณีพิเศษได้
ข. ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดอยู่ในฐานะที่อาจจะถูกกล่าวหาว่าร่วมกระทำผิดวินัยกับ
ข้าราชการอื่น ให้ข้อมูลต่อผู้บังคับบัญชา หรือให้ถ้อยคำต่อบุคคลหรือคณะบุคคลเกี่ยวกับการ
กระทำผิดวินัยที่ได้กระทำมา จนเป็นเหตุให้มีการสอบสวนพิจารณาทางวินัยแก่ผู้เป็นต้นเหตุ
แห่งการกระทำผิดผู้บังคับบัญชาอาจใช้ดุลพินิจกันผู้นั้นไว้เป็นพยานหรือพิจารณาลดโทษทาง
วินัยตามควรแก่กรณีได้
ค. ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดให้ข้อมูลหรือให้ถ้อยคำในฐานะพยานอันเป็นเท็จให้ถือว่าผู้นั้น
กระทำผิดวินัย
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
112. ให้กรรมการสอบสวน เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาและให้มีอำนาจเช่นเดียวกับ
พนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเพียงเท่าที่เกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่
ของกรรมการสอบสวน และโดยเฉพาะให้มีอำนาจดังต่อไปนี้ ข้อใดถูกต้อง
ก. เรียกให้กระทรวง กรม หน่วยงานอื่น ของรัฐหรือห้างหุ้นส่วนบริษัท ชี้แจงข้อเท็จจริง ส่ง
เอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องส่งผู้แทนหรือบุคคลในสังกัดมาชี้แจงหรือให้ถ้อยคำเกี่ยวกับ
เรื่องที่สอบสวน
ข. เรียกผู้ถูกกล่าวหาหรือบุคคลใดๆ มาชี้แจงหรือให้ถ้อยคำ หรือให้ส่งเอกสารและหลักฐาน
เกี่ยวกับเรื่องที่สอบสวน
ค. เรียกให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ส่งเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องส่งผู้แทนหรือบุคคลใน
สังกัดมาชี้แจงหรือให้ถ้อยคำเกี่ยวกับเรื่องที่สอบสวน
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
113. ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาเป็นหนังสือว่ากระทำหรือละเว้นกระทำการใดที่เป็น
ความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ถ้าเป็นการกล่าวหาต่อผู้บังคับบัญชาของผู้นั้น หรือต่อผู้มีหน้าที่สืบสวน
สอบสวนหรือตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการ หรือเป็นการกล่าวหาโดย
ผู้บังคับบัญชาของผู้นั้น หรือมีกรณีถูกฟ้องคดีอาญาหรือต้องหาว่ากระทำความผิดอาญาอันมิใช่เป็น
ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท ที่ไม่เกี่ยวกับราชการหรือความผิดลหุโทษ แม้ภายหลังผู้นั้นจะออก
จากราชการไปแล้วโดยมิใช่เพราะเหตุตาย ผู้มีอำนาจดำเนินการทางวินัยมีอำนาจดำเนินการสืบสวน
หรือพิจารณาและดำเนินการทางวินัยตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ต่อไปได้เสมือนว่าผู้นั้นยังมิได้ออกจาก
ราชการแต่ทั้งนี้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ ต้องดำเนินการสอบสวน ภายในกี่วันนับแต่วันที่ผู้
นั้นพ้นจากราชการ ในกรณีถ้าผลการสอบสวนพิจารณาปรากฏว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงก็
ให้งดโทษ
ก. 30 วัน ข. 60 วัน
ค. 90 วัน ง. 120 วัน
จ. 180 วัน
114. การสั่งพักราชการให้สั่งพักตลอดเวลาที่สอบสวนหรือพิจารณาเว้นแต่ผู้ถูกสั่งพักราชการผู้ใดได้ร้อง
ทุกข์ และผู้มีอำนาจพิจารณาคำร้องทุกข์เห็นว่าสมควรสั่งให้ผู้นั้นกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการก่อนการ
สอบสวนหรือพิจารณาเสร็จสิ้น เนื่องจากพฤติการณ์ของผู้ถูกสั่งพักราชการไม่เป็นอุปสรรคต่อการ
สอบสวนหรือพิจารณา และไม่ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยต่อไป หรือเนื่องจากการดำเนินการทาง
วินัยได้ล่วงพ้นระยะเวลาเท่าใดนับแต่วันพักราชการแล้วยังไม่แล้วเสร็จและผู้ถูกสั่งพักราชการไม่มี
พฤติกรรมดังกล่าว ให้ผู้มีอำนาจสั่งพักราชการสั่งให้ผู้นั้นกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการก่อนการ
สอบสวนหรือพิจารณาเสร็จสิ้น
ก. 30 วัน ข. 60 วัน
ค. 90 วัน ง. 120 วัน
จ. 1 ปี
115. ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดเมื่ออายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ในสิ้นปีงบประมาณ และทางราชการมี
ความจำเป็นที่จะให้รับราชการต่อไปเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในทางวิชาการหรือหน้าที่ที่ต้องใช้ความสามารถ
เฉพาะตัว ในตำแหน่ง จะให้รับราชการต่อไปอีกไม่เกินกี่ปีก็ได้ตามที่กำหนดในกฎ ก.พ.
ก. 5 ปี ข. 10 ปี
ค. 15 ปี ง. 20 ปี
จ. 25 ปี
116. ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการให้ยื่นหนังสือขอลาออกต่อ
ผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปชั้นหนึ่งโดยยื่นล่วงหน้าก่อนวันขอลาออกไม่น้อยกว่ากี่วัน เพื่อให้
ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ เป็นผู้พิจารณาก่อนวันขอลาออก
ก. 3 วัน ข. 7 วัน
ค. 15 วัน ง. 30 วัน
จ. 45 วัน
117. ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ เห็นว่าจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการ จะยับยั้งการ
ลาออกไว้เป็นเวลาไม่เกินกี่วันนับแต่วันขอลาออกก็ได้
ก. 3 วัน ข. 7 วัน
ค. 15 วัน ง. 30 วัน
จ. 90 วัน
118. ในกรณีที่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการเพื่อดำรงตำแหน่งในองค์กร
อิสระตามรัฐธรรมนูญ ตำแหน่งทางการเมือง หรือตำแหน่งอื่นที่ ก.พ. กำหนดหรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้ง
เป็นสมาชิกรัฐสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นให้ยื่นหนังสือขอลาออกต่อผู้บังคับบัญชา
และให้การลาออกมีผลนับตั้งแต่เมื่อใด
ก. 3 วัน ข. 7 วัน
ค. 15 วัน ง. 30 วัน
จ. วันที่ผู้นั้นขอลาออก
119. ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ มีอำนาจสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการเพื่อรับ
บำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการได้ในกรณีดังต่อไปนี้ ข้อใด
ถูกต้อง
ก. เมื่อข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดเจ็บป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนได้โดยสม่ำเสมอ
ข. เมื่อข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดสมัครไปปฏิบัติงานใดๆตามความประสงค์ของทางราชการ
ค. เมื่อทางราชการเลิกหรือยุบหน่วยงานหรือตำแหน่งที่ข้าราชการพลเรือนสามัญปฏิบัติหน้าที่
หรือดำรงอยู่ สำหรับผู้ที่ออกจากราชการในกรณีนี้ให้ได้รับเงินชดเชยตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนดด้วย
ง. เมื่อข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพ และเกิด
ประสิทธิผลในระดับอันเป็นที่พอใจของทางราชการ
จ. ถูกทุกข้อ
120. ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ มีอำนาจสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการเพื่อรับ
บำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการได้ในกรณีดังต่อไปนี้ ข้อใด
ถูกต้อง
ก. เมื่อข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดหย่อนความสามารถในอัน ที่จะปฏิบัติหน้าที่ราชการ บกพร่องในหน้าที่ราชการ หรือประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ราชการถ้าให้ผู้นั้นรับราชการต่อไปจะเป็นการเสียหายแก่ราชการ
ข. เมื่อข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดมีกรณีถูกสอบสวนว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และผลการ
สอบสวนไม่ได้ความแน่ชัดพอที่จะฟังลงโทษ แต่มีมลทินหรือมัวหมองในกรณีที่ถูกสอบสวน
ถ้าให้รับราชการต่อไปจะเป็นการเสียหายแก่ราชการ
ค เมื่อข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิด
ที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษหรือต้องรับโทษจำคุกโดยคำสั่งของศาล ซึ่งยัง
ไม่ถึงกับจะต้องถูกลงโทษปลดออกหรือไล่ออก
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข้อ ข
จ. ถูกทุกข้อ
121. ผู้ใดถูกสั่งลงโทษตามพระราชบัญญัตินี้หรือถูกสั่งให้ออกจากราชการ ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.
ภายในกี่วันนับแต่วันทราบหรือถือว่าทราบคำสั่ง
ก. 7 วัน ข. 15 วัน
ค. 30 วัน ง. 45 วัน
จ. 60 วัน
122. เมื่อ ก.พ.ค. พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์แล้ว ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ ดำเนินการให้เป็นไป
ตามคำวินิจฉัยนั้นภายในกี่วัน นับแต่วันที่ ก.พ.ค. มีคำวินิจฉัย
ก. 7 วัน ข. 15 วัน
ค. 30 วัน ง. 45 วัน
จ. 60 วัน
123. ในกรณีที่ผู้อุทธรณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ก.พ.ค. ให้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุด
ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ทราบหรือถือว่าทราบคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.
ก. 7 วัน ข. 15 วัน
ค. 30 วัน ง. 45 วัน
จ. 60 วัน
124. การพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกี่วันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ เว้นแต่มี
เหตุขัดข้องที่ทำให้การพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว ก็ให้ขยายระยะเวลาได้อีกซึ่งไม่
เกินสองครั้ง โดยแต่ละครั้งจะต้องไม่เกินหกสิบวัน และให้บันทึกเหตุขัดข้องให้ปรากฏไว้ด้วย
ก. 15 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
จ. 120 วัน
125.เมื่อมีกรณีดังต่อไปนี้ กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์อาจถูกคัดค้านได้
ก. รู้เห็นเหตุการณ์ในการกระทำผิดวินัยที่ผู้อุทธรณ์ถูกลงโทษหรือการถูกสั่งให้ออกจากราชการ
ข. มีส่วนได้เสียในการกระทำผิดวินัยที่ผู้อุทธรณ์ถูกลงโทษหรือการถูกสั่งให้ออกจากราชการ
ค. มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้อุทธรณ์ หรือ เป็นผู้กล่าวหา หรือเป็นหรือเคยเป็นผู้บังคับบัญชาผู้สั่ง
ลงโทษหรือสั่งให้ออกจากราชการ
ง. เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางวินัยหรือการสั่งให้ออกจากราชการที่ผู้อุทธรณ์ถูก
ลงโทษหรือถูกสั่งให้ออกจากราชการ มีความเกี่ยวพันทางเครือญาติหรือทางการสมรสกับ
บุคคล อันอาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ผู้อุทธรณ์
จ. ถูกทุกข้อ
126. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการร้องทุกข์
ก. การร้องทุกข์ที่เหตุเกิดจากผู้บังคับบัญชา ให้ร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไป
ตามลำดับ
ข. การร้องทุกข์ที่เหตุเกิดจากหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือรับผิดชอบ
การปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงรัฐมนตรีเจ้าสังกัด
หรือนายกรัฐมนตรี ให้ร้องทุกข์ต่อ ก.พ.ค.
ค. เมื่อ ก.พ.ค. ได้พิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ประการใดแล้ว ให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม
ที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือต่อ
รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือนายกรัฐมนตรี แล้วแต่กรณี ดำเนินการให้
เป็นไปตามคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.
ง. ในการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ให้ ก.พ.ค. มีอำนาจไม่รับ เรื่องร้องทุกข์ ยกคำร้องทุกข์
หรือมีคำวินิจฉัยให้แก้ไขหรือยกเลิกคำสั่ง และให้เยียวยาความเสียหายให้ผู้ร้องทุกข์ หรือให้
ดำเนินการอื่นใดเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
จ. ถูกทุกข้อ
127. กรณีที่กรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์อาจถูกคัดค้านได้ ข้อใดถูกต้อง
ก. เป็นผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุให้เกิดความคับข้องใจ หรือเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของ
ผู้บังคับบัญชาดังกล่าว
ข. มีส่วนได้เสียในเรื่องที่ร้องทุกข์
ค. มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ร้องทุกข์
ง. มีความเกี่ยวพันทางเครือญาติหรือทางการสมรสกับบุคคลอันอาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม
แก่ผู้ร้องทุกข์
จ. ถูกทุกข้อ
128. การแต่งตั้งและการให้ข้าราชการพลเรือนในพระองค์พ้นจากตำแหน่งให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย
เพื่อประโยชน์ในการบริหารงานบุคคลจะออกเป็นอะไรเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการเกี่ยวกับการ
กำหนดตำแหน่ง การให้ได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง การบรรจุ การแต่งตั้ง การเพิ่มพูน
ประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติราชการ การรักษาจรรยา การรักษาวินัย การออก
จากราชการ การอุทธรณ์ การร้องทุกข์ และการอื่นตามที่จำเป็น
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. พระราชกำหนด ง. กฎกระทรวง
จ. ประกาศกระทรวง
129. ให้ ก.พ. อ.ก.พ. วิสามัญ และ อ.ก.พ. สามัญ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้
บังคับ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง ก.พ. หรือจนกว่าจะได้
แต่งตั้ง อ.ก.พ. วิสามัญ หรืออนุกรรมการใน อ.ก.พ. สามัญแล้วแต่กรณี ตามพระราชบัญญัตินี้การ
ดำเนินการแต่งตั้ง ก.พ. ให้กระทำให้แล้วเสร็จภายในกี่วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ก. 15 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
จ. 120 วัน
130. ใครเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ตามพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน พ.ส.2551
ก. นายมีชัย ฤชุพันธ์ ข. พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์
ค. นายอนันท์ ปัญญารชุน ง. พล.อ. สนธิ บุญยรัตนกสิน
จ. ไม่มีข้อใดถูก
เฉลยคำตอบ
1.ง 26.จ 51.ค 76.ค
2. ก 27.ข 52.ง 77.ข
3. จ 28.ง 53.จ 78.ข
4.ก 29.จ 54.จ 79.ก
5.ก 30.จ 55.ก 80.ข
6.จ 31.ข 56.ก 81.ง
7.จ 32.จ 57.ง 82.ง
8.จ 33.จ 58.ก 83.ค
9.ค 34.จ 59.ก 84.ง
10.จ 35.ข 60.ข 85.จ
11.ข 36.จ 61.ก 86.ค
12.ข 37.จ 62.ก 87.ง
13.ข 38.จ 63.จ 88.จ
14.ก 39.จ 64.จ 89.จ
15.จ 40.จ 65.ค 90.จ
16.จ 41.จ 66.ง 91.ก
17.จ 42.ง 67.ข 92.ค
18.ง 43.จ 68.ง 93.ก
19.ข 44.จ 69.ก 94.ก
20.ก 45.ข 70.ก 95.จ
21.จ 46.ก 71.ง 96.จ
22.จ 47.จ 72.ค 97.จ
23.จ 48.จ 73.ก 98.จ
24.จ 49.ก 74.จ 99.ง
25.ง 50.จ 75.จ 100.จ
101.จ 126.จ
102.จ 127.จ
103.ง 128.ข
104.ก 129.จ
105.ข 130.ข
106.ง
107.จ
108.จ
109.ง
110.ก
111.จ
112.จ
113.จ
114.จ
115.ข
116.ง
117.จ
119.จ
120.จ
121.ค
122.ค
123.ก
124.จ
125.จ
#คลิ๊กดูแนวข้อสอบราชการที่ www.โหลดแนวข้อสอบราชการ.com
พิชิตฝัน มุ่งสู่เส้นชัย กับหนังสือสอบราชการที่ตรงใจคุณ
** เตรียมตัวให้พร้อม สอบติดชัวร์ **
แนวข้อสอบมี 2 รูปแบบ
1.แบบที่ 1 รอรับได้เลย ราคาเพียง 399 บาท (รอรับ 1-2 ชม หลังโอน)
2.แบบที่ 2 หนังสือ **ฟรี MP3** ราคา 699 บาท (ส่งฟรีขนส่งเอกชน)
ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อแนวข้อสอบ
โทร: 082-8551615 (คุณปาณิสรา)
Line ID : Panisara_test หรือคลิ๊กสั่งซื้อทันที
ชำระค่าสินค้าและบริการ
-ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 983-0-97701-3
-ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 549-2-17930-4
(ชื่อบัญชี ปาณิสรา พระกาย ออมทรัพย์ )#สอบราชการ #หนังสือสอบราชการ #คู่มือสอบ #แนวข้อสอบ #เฉลย #เทคนิค #เตรียมตัวสอบ #พิชิตฝัน #เส้นชัย #โปรโมชั่น #ส่งฟรี #ของแถม