แนวข้อสอบ
พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
*********************************
1. พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับเมื่อใด
ก. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. 30 วัน นับแต่วันถัดจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. 90 วัน นับแต่วันถัดจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. 180 วัน นับแต่วันถัดจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตอบ ง. มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
2. พ.ร.บ. นี้ไม่ใช้บังคับแก่ข้อใด
ก. คณะรัฐมนตรี ข. การดำเนินงานเกี่ยวกับนโยบายการต่างประเทศ
ค. การพิจารณาพิพากษาคดีของศาล ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 4 พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับแก่
1) รัฐสภาและคณะรัฐมนตรี
2) องค์กรที่ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะ
3) การพิจารณาของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีในงานทางนโยบายโดยตรง
4) การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลและการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการพิจารณาคดี การบังคับคดี และการวางทรัพย์
5) การพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์และการสั่งการตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกา
6) การดำเนินงานเกี่ยวกับนโยบายการต่างประเทศ
7) การดำเนินงานเกี่ยวกับราชการทหารหรือเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ทางยุทธการร่วมกับทหารในการป้องกันและรักษาความมั่นคงของราชอาณาจักร จากภัยคุกคามทั้งภายนอกและภายในประเทศ
8) การดำเนินงานตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
9) การดำเนินกิจการขององค์การทางศาสนา
3. การจะยกเว้นไม่ให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับแก่การดำเนินกิจการใด จะต้องตราเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกำหนด
ข. พระราชกฤษฎีกา ง. กฎกระทรวง
คำตอบ ค. การจะยกเว้นไม่ให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับแก่การดำเนินกิจการใดหรือกับหน่วยงานใด นอกจากที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาตามข้อเสนอของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
4. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง หมายถึงอะไร
ก. การเตรียมการและการดำเนินการของเจ้าหน้าที่
ข. เพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครองหรือกฎ
ค. รวมถึงการดำเนินการใดๆ ในทางปกครอง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. “วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง” หมายความว่า การเตรียมการและการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ เพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครองหรือกฎ และรวมถึงการดำเนินการใดๆ ในทางปกครองตามพระราชบัญญัตินี้
5. “การเตรียมการและการดำเนินการของเจ้าหน้าที่เพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครอง” หมายถึงอะไร
ก. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ข. การพิจารณาทางปกครอง
ค. คำสั่งทางปกครอง ง. การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง
ตอบ ข. “การพิจารณาทางปกครอง” หมายความว่า การเตรียมการและการดำเนินการของเจ้าหน้าที่เพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครอง
6. คำสั่งทางปกครอง หมายถึงอะไร
ก. การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล
ข. ในอันที่จะก่อเปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล
ค. การอันที่จะกำหนดในกฎกระทรวง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. “คำสั่งทางปกครอง” หมายความว่า
1) การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่าง บุคคลในอันที่จะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราว เช่น การสั่งการ การอนุญาต การอนุมัติ การวินิจฉัยอุทธรณ์ และการรับจดทะเบียน แต่ไม่หมายความรวมถึงการออกกฎ
2) การอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง
7. ข้อใดหมายถึง คู่กรณี
ก. ผู้ยื่นคำขอ ข. ผู้อยู่ในบังคับของคำสั่งทางปกครอง
ค. ผู้ซึ่งได้เข้ามาในกระบวนการพิจารณาทางปกครอง ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. “คู่กรณี” หมายความว่า ผู้ยื่นคำขอหรือผู้คัดค้านคำขอ ผู้อยู่ในบังคับหรือจะอยู่ในบังคับของคำสั่งทางปกครอง และผู้ซึ่งได้เข้ามาในกระบวนการพิจารณาทางปกครองเนื่องจากสิทธิของผู้นั้นจะถูกกระทบกระเทือนจากผลของคำสั่งทางปกครอง
8. ผู้ใดเป็นคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
ก. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ข. ปลัดกระทรวงมหาดไทย
ค. เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 7 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง” ประกอบด้วย ประธานกรรมการคนหนึ่ง ปลัดสำนักนายก รัฐมนตรี ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่น้อยกว่าห้าคน แต่ไม่เกินเก้าคนเป็นกรรมการ
9. กรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง มีวาระดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 3 ปี ข. 4 ปี
ค. 5 ปี ง. 6 ปี
ตอบ ข. มาตรา 8 ให้กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งมีวาระดำรงตำแหน่งคราวละสามปี กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้
ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ แต่ยังมิได้แต่งตั้งกรรมการใหม่ให้กรรมการนั้นปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อนจนกว่าจะได้แต่งตั้งกรรมการใหม่
10. หน่วยงานใดทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
ก. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ข. สำนักงานศาลปกครองสูงสุด
ค. สำนักงานอัยการสูงสุด ง. สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
ตอบ ก. มาตรา 10 ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของ คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง รับผิดชอบงานธุรการ งานประชุม การศึกษาหาข้อมูล และกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวกับงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
11. คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง มีอำนาจหน้าที่อย่างไร
ก. ให้คำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.นี้
ข. มีหนังสือเรียกให้เจ้าหน้าที่หรือบุคคลใดมาชี้แจงหรือแสดงความเห็นประกอบการพิจารณา
ค. เสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาตามพระราชบัญญัตินี้
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 11 คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
1) สอดส่องดูแลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
2) ให้คำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ตามที่บุคคลดังกล่าวร้องขอ ทั้งนี้
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
3) มีหนังสือเรียกให้เจ้าหน้าที่หรือบุคคลอื่นใดมาชี้แจงหรือแสดงความเห็นประกอบการพิจารณาได้
4) เสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวงหรือประกาศตามพระราชบัญญัตินี้
5) จัดทำรายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้เสนอคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งคราวตามความเหมาะสม แต่อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อพัฒนาและปรับปรุงการปฏิบัติราชการทางปกครองให้เป็นไปโดยมีความเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
6) เรื่องอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย
12. เจ้าหน้าที่ตามข้อใด จะทำการพิจารณาทางปกครองไม่ได้
ก. เป็นคู่กรณีเอง ข. เป็นญาติของคู่กรณี
ค. เป็นเจ้าหนี้ ลูกหนี้ หรือนายจ้างของคู่กรณี ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 13 เจ้าหน้าที่ดังต่อไปนี้จะทำการพิจารณาทางปกครองได้
1) เป็นคู่กรณีเอง
2) เป็นคู่หมั้นหรือคู่สมรสของคู่กรณี
3) เป็นญาติของคู่กรณี คือ เป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานไม่ว่าชั้นใดๆ หรือเป็นพี่น้องหรือลูกพี่ลูกน้องนับได้เพียงภายในสามชั้น หรือเป็นญาติเกี่ยวพันทางแต่งงานนับได้เพียงสองชั้น
4) เป็นหรือเคยเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้พิทักษ์หรือผู้แทนหรือตัวแทนของคู่กรณี
5) เป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ หรือเป็นนายจ้างของคู่กรณี
6) กรณีอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
13. กรณีที่คู่กรณีคัดค้านว่าเจ้าหน้าที่ผู้ใดเข้ากรณีตามข้อ 12 ต้องทำอย่างไร
ก. หยุดการพิจารณาเรื่องไว้ก่อน
ข. แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาเหนือตนขึ้นไปชั้นหนึ่งทราบ
ค. เพื่อที่ผู้บังคับบัญชาจะได้มีคำสั่งต่อไป
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 14 เมื่อมีกรณีตามมาตรา 13 หรือคู่กรณีคัดค้านว่าเจ้าหน้าที่ผู้ใดเป็นบุคคลตามมาตรา 13 ให้เจ้าหน้าที่ผู้นั้นหยุดการพิจารณาเรื่องไว้ก่อน และแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาเหนือตนขึ้นไปชั้นหนึ่งทราบ เพื่อที่ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวจะได้มีคำสั่งต่อไป
14. คู่กรณีในการพิจารณาทางปกครอง หมายถึงอะไร
ก. บุคคลธรรมดา ข. คณะบุคคล
ค. นิติบุคคล ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 21 บุคคลธรรมดา คณะบุคคล หรือนิติบุคคล อาจเป็นคู่กรณีในการพิจารณาทางปกครองได้ ตามขอบเขตที่สิทธิของตนถูกกระทบกระเทือนหรืออาจถูกกระทบกระเทือนโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
15. ผู้มีความสามารถกระทำการในกระบวนการพิจารณาทางปกครองได้ จะต้องเป็นอย่างไร
ก. ผู้ซึ่งบรรลุนิติภาวะ
ข. นิติบุคคล หรือคณะบุคคล โดยผู้แทนหรือตัวแทน
ค. ผู้ซึ่งมีบทกฎหมายเฉพาะกำหนดให้มีความสามารถกระทำการในเรื่องที่กำหนดได้ แม้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 22 ผู้มีความสามารถกระทำการในกระบวนการพิจารณาทางปกครองได้จะต้องเป็น
(1) ผู้ซึ่งบรรลุนิติภาวะ
(2) ผู้ซึ่งมีบทกฎหมายเฉพาะกำหนดให้มีความสามารถกระทำการในเรื่องที่กำหนดได้ แม้ยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือความสามารถถูกจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(3) นิติบุคคล หรือคณะบุคคล โดยผู้แทนหรือตัวแทน
(4) ผู้ซึ่งมีประกาศของนายกรัฐมนตรีหรือผู้ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายในราชกิจจานุเบกษากำหนดให้มีความสามารถกระทำการในเรื่องที่กำหนดได้ แม้ผู้นั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือความสามารถถูกจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
16. การยื่นคำขอโดยมีผู้ลงชื่อร่วมกันเกินกี่คน ที่จะต้องระบุบุคคลใดเป็นตัวแทนของบุคคลดังกล่าว
ก. 15 คน ข. 30 คน
ค. 50 คน ง. 100 คน
ตอบ ค. มาตรา 25 ในกรณีที่มีการยื่นคำขอโดยมีผู้ลงชื่อร่วมกันเกินห้าสิบคน หรือมีคู่กรณีเกินห้าสิบคน ยื่นคำขอที่มีข้อความอย่างเดียวกันหรือทำนองเดียวกัน ถ้าในคำขอมีการระบุให้บุคคลใดเป็นตัวแทนของบุคคลดังกล่าวหรือมีข้อความเป็นปริยายให้เข้าใจได้เช่นนั้น ให้ถือว่าผู้ที่ถูกระบุชื่อดังกล่าว เป็นตัวแทนร่วมของคู่กรณีเหล่านั้น
17. กรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบสิทธิของคู่กรณี เจ้าหน้าที่จะต้องทำอย่างไร
ก. ให้คู่กรณีมีโอกาสทราบข้อเท็จจริง ข. มีโอกาสโต้แย้ง
ค. ได้แสดงพยานหลักฐานของตน ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 30 ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี เจ้าหน้าที่ต้องให้คู่กรณีมี โอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน
18. คำสั่งทางปกครอง สามารถทำได้โดยรูปแบบใด
ก. หนังสือ ข. วาจา
ค. โดยการสื่อความหมายรูปแบบอื่น ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 34 คำสั่งทางปกครองอาจทำเป็นหนังสือหรือวาจาหรือโดยการสื่อความหมายในรูปแบบอื่นก็ได้ แต่ต้องมีข้อความหรือความหมายที่ชัดเจนเพียงพอที่จะเข้าใจได้
19. ถ้าผู้รับคำสั่งทางปกครองด้วยวาจา ร้องขอเจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่ง ต้องยืนยันคำสั่งเป็นหนังสือภายในกี่วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งดังกล่าว
ก. 3 วัน ข. 7 วัน
ค. 15 วัน ง. 30 วัน
ตอบ ข. มาตรา 35 ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองเป็นคำสั่งด้วยวาจา ถ้าผู้รับคำสั่งนั้นร้องขอและการร้องขอได้กระทำโดยมีเหตุอันสมควรภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่มีคำสั่งดังกล่าว เจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่งต้องยืนยันคำสั่งนั้นเป็นหนังสือ
20. คำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสืออย่างน้อยต้องระบุอะไร
ก. วัน เดือน ปี ที่ทำคำสั่ง ข. ชื่อและตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่ง
ค. ลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่ง ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค. มาตรา 36 คำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสืออย่างน้อยต้องระบุ วัน เดือน และปีที่ทำคำสั่ง ชื่อและตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่ง พร้อมทั้งลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งนั้น
21. คำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสือต้องจัดให้มีเหตุผลด้วย ซึ่งเหตุผลอย่างน้อยต้องประกอบด้วยอะไร
ก. ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ ข. ข้อกฎหมายที่อ้างอิง
ค. ข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลยพินิจ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 37 คำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสือและการยืนยันคำสั่งทางปกครองเป็นหนังสือ ต้องจัดให้มีเหตุผลไว้ด้วย และเหตุผลนั้นอย่างน้อยต้องประกอบด้วย
1) ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ
2) ข้อกฎหมายที่อ้างอิง
3) ข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลยพินิจ
22. ข้อใดเป็นข้อยกเว้น ที่ไม่ต้องระบุเหตุผลในคำสั่งทางปกครอง
ก. เหตุผลเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ข. ต้องรักษาไว้เป็นความลับ
ค. เป็นกรณีเร่งด่วน ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. บทบัญญัติตามวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับกับกรณีดังต่อไปนี้
1) เป็นกรณีที่มีผลตรงตามคำขอและไม่กระทบสิทธิและหน้าที่ของบุคคลอื่น
2) เหตุผลนั้นเป็นที่รู้กันอยู่แล้วโดยไม่จำต้องระบุอีก
3) เป็นกรณีที่ต้องรักษาไว้เป็นความลับตามมาตรา 32
4) เป็นการออกคำสั่งทางปกครองด้วยวาจาหรือเป็นกรณีเร่งด่วน แต่ต้องให้เหตุผลเป็นลายลักษณ์อักษรในเวลาอันควร หากผู้อยู่ในบังคับของคำสั่งนั้นร้องขอ
23. การออกคำสั่งทางปกครอง เจ้าหน้าที่อาจกำหนดเงื่อนไขใดๆ ได้เท่าที่จำเป็นและให้หมายความรวมถึงเงื่อนไขตามข้อใด
ก. การกำหนดให้สิทธิหรือภาระหน้าที่เริ่มมีผลหรือสิ้นผลเวลาใดเวลาหนึ่ง
ข. ข้อสงวนสิทธิที่จะยกเลิกคำสั่งทางปกครอง
ค. การกำหนดให้ผู้ได้รับประโยชน์ต้องกระทำหรืองดเว้นการกระทำ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 39 การออกคำสั่งทางปกครอง เจ้าหน้าที่อาจกำหนดเงื่อนไขใดๆ ได้เท่าที่จำเป็นเพื่อให้ บรรลุวัตถุประสงค์ของกฎหมาย เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดข้อจำกัดดุลพินิจเป็นอย่างอื่น
การกำหนดเงื่อนไขตามวรรคหนึ่ง ให้หมายความรวมถึงการกำหนดเงื่อนไขในกรณีดังต่อไปนี้ ตามความเหมาะสมแก่กรณีด้วย
1) การกำหนดให้สิทธิหรือภาระหน้าที่เริ่มมีผลหรือสิ้นผล ณ เวลาใด เวลาหนี่ง
2) การกำหนดให้การเริ่มมีผลหรือสิ้นผลของสิทธิหรือภาระหน้าที่ต้องขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่แน่นอน
3) ข้อสงวนสิทธิที่จะยกเลิกคำสั่งทางปกครอง
4) การกำหนดให้ผู้ได้รับประโยชน์ต้องกระทำ หรืองดเว้นกระทำ หรือต้องมีภาระหน้าที่ หรือยอมรับภาระหน้าที่หรือรับผิดชอบบางประการ หรือการกำหนดข้อความในการจัดให้มี เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มข้อกำหนดดังกล่าว
24. คำสั่งทางปกครองที่อาจอุทธรณ์หรือโต้แย้งต่อไปได้ ต้องระบุอะไรไว้บ้าง
ก. กรณีที่อาจอุทธรณ์หรือโต้แย้ง ข. การยื่นคำอุทธรณ์หรือคำโต้แย้ง
ค. ระยะเวลาสำหรับการอุทธรณ์หรือโต้แย้ง ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 40 คำสั่งทางปกครองอาจอุทธรณ์หรือโต้แย้งต่อไปได้ ให้ระบุกรณีที่อาจอุทธรณ์หรือ โต้แย้ง การยื่นคำอุทธรณ์หรือคำโต้แย้ง และระยะเวลาสำหรับการอุทธรณ์หรือการโต้แย้งดังกล่าวไว้ด้วย
ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคหนึ่ง ให้ระยะเวลาสำหรับการอุทธรณ์หรือการโต้แย้งเริ่มนับใหม่ ตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งหลักเกณฑ์ตามวรรคหนึ่ง แต่ถ้าไม่มีการแจ้งใหม่และระยะเวลาดังกล่าวมีระยะเวลาสั้นกว่าหนึ่งปี ให้ขยายเป็นหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับคำสั่งทางปกครอง
25. คำสั่งทางปกครองที่ออกโดยการฝ่าฝืนข้อใดไม่เป็นเหตุให้คำสั่งทางปกครองนั้นไม่สมบูรณ์
ก. คำสั่งทางปกครองที่ต้องจัดให้มีเหตุผล ถ้าไม่จัดให้มีเหตุผลภายหลัง
ข. การรับฟังคู่กรณีที่จำเป็นต้องกระทำได้ ดำเนินการมาโดยไม่สมบูรณ์ ถ้าได้มีการรับฟังให้สมบูรณ์ได้ในภายหลัง
ค. คำสั่งทางปกครองที่ต้องให้เจ้าหน้าที่อื่นให้ความเห็นชอบก่อน ถ้าเจ้าหน้าที่นั้นได้ให้ความเห็นชอบในภายหลัง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 41 คำสั่งทางปกครองที่ออกโดยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ ไม่เป็นเหตุให้คำสั่งทางปกครองนั้นไม่สมบูรณ์
1) การออกคำสั่งทางปกครองโดยยังไม่มีผู้ยื่นคำขอในกรณีที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการเองไม่ได้นอกจากจะมีผู้ยื่นคำขอ ถ้าต่อมาในภายหลังได้มีการยื่นคำขอเช่นนั้นแล้ว
2) คำสั่งทางปกครองที่ต้องจัดให้มีเหตุผลตามมาตรา 37 วรรคหนึ่ง ถ้าได้มีการจัดให้มีเหตุผลดังกล่าวในภายหลัง
3) การรับฟังคู่กรณีที่จำเป็นต้องกระทำ ได้ดำเนินการมาโดยไม่สมบูรณ์ ถ้าได้มีการรับฟังให้สมบูรณ์ได้ในภายหลัง
4) คำสั่งทางปกครองที่ต้องให้เจ้าหน้าที่อื่นให้ความเห็นชอบก่อน ถ้าเจ้าหน้าที่นั้นได้ให้ความเห็นชอบในภายหลัง
26. การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองซึ่งไม่ได้ออกโดยรัฐมนตรี ต้องอุทธรณ์ภายในกี่วัน นับแต่ได้รับแจ้งคำสั่ง
ก. 15 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ก. มาตรา 44 ภายใต้บังคับมาตรา 48 ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองใดไม่ได้ออกโดยรัฐมนตรี และไม่มีกฎหมายกำหนดขั้นตอนอุทธรณ์ภายในฝ่ายปกครองไว้เป็นการเฉพาะ ให้คู่กรณีอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองนั้นโดยยื่นต่อเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครองภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ตนได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว
27. เจ้าหน้าที่ที่ได้รับอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง ต้องพิจารณาคำอุทธรณ์และแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบโดยไม่ชักช้าแต่ต้องไม่เกินกี่วัน
ก. 7 วัน ข. 15 วัน
ค. 30 วัน ง. 45 วัน
ตอบ ค. มาตรา 45 ให้เจ้าหน้าที่ตามมาตรา 44 วรรคหนึ่ง พิจารณาคำอุทธรณ์และแจ้งผู้อุทธรณ์โดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ ในกรณีที่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก็ให้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงคำสั่งทางปกครองตามความเห็นของตนภายในกำหนดเวลาดังกล่าวด้วย
28. กรณีที่เจ้าหน้าที่ไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ ได้ส่งรายงานและความเห็นหรือเหตุผลไปยังผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในกี่วัน
ก. 7 วัน ข. 15 วัน
ค. 30 วัน ง. 45 วัน
ตอบ ค. ถ้าเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 44 วรรคหนึ่ง ให้เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ก็ให้เร่งรายงานความเห็นพร้อมเหตุผลไปยังผู้มีอำนาจพิจารณาคำอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาคำอุทธรณ์พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ตนได้รับรายงาน ถ้ามีเหตุจำเป็นไม่อาจพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์มีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ออกไปได้ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ครบกำหนดเวลาดังกล่าว
29. การพิจารณาอุทธรณ์ เจ้าหน้าที่พิจารณาทบทวนคำสั่งทางปกครองในเรื่องใดได้
ก. ปัญหาข้อเท็จจริง ข. ปัญหาข้อกฎหมาย
ค. ความเหมาะสมของการทำคำสั่งทางปกครอง ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 46 ในการพิจารณาให้เจ้าหน้าที่พิจารณาทบทวนคำสั่งทางปกครองได้ไม่ว่าจะเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย หรือความเหมาะสมของการทำคำสั่งทางปกครอง และอาจมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งทางปกครองเดิมหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งนั้นไปในทางใด ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มภาระหรือลดภาระ หรือใช้ดุลพินิจแทนในเรื่องความเหมาะสมของการทำคำสั่งทางปกครองหรือมีข้อกำหนดเป็นเงื่อนไขอย่างไรก็ได้
30. คำสั่งทางปกครองของบรรดาคณะกรรมการต่างๆ คู่กรณีมีสิทธิโต้แย้งได้ภายในกี่วัน
ก. 30 วัน ข. 60 วัน
ค. 90 วัน ง. 180 วัน
ตอบ ค. มาตรา 48 คำสั่งทางปกครองของบรรดาคณะกรรมการต่างๆ ไม่ว่าจะจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายหรือไม่ ให้คู่กรณีมีสิทธิโต้แย้งต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ ทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้น แต่ถ้าคณะกรรมการดังกล่าว เป็นคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท สิทธิการอุทธรณ์และกำหนดเวลาอุทธรณ์ให้เป็นไปตามที่บัญญัติในกฎหมาย ว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกา
31. การเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่มีลักษณะเป็นการให้ประโยชน์ต้องกระทำภายในกี่วัน
ก. 30 วัน ข. 60 วัน
ค. 90 วัน ง. 180 วัน
ตอบ ค. การเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่มีลักษณะเป็นการให้ประโยชน์ต้องกระทำภายใน 90 วัน นับแต่ได้รู้ถึงเหตุที่จะให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองนั้น
32. กรณีใดที่ผู้ได้รับคำสั่งทางปกครองจะอ้างความเชื่อโดยสุจริตไม่ได้
ก. ผู้นั้นได้แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้ง
ข. ผู้นั้นได้ให้ข้อความซึ่งไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบถ้วนในสาระสำคัญ
ค. ผู้นั้นไม่รู้ถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งทางปกครอง ในขณะได้รับคำสั่งทางปกครอง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ในกรณีดังต่อไปนี้ ทางปกครองจะอ้างความเชื่อโดยสุจริตไม่ได้
1) ผู้นั้นได้แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้ง หรือข่มขู่ หรือชักจูงใจ
โดยการให้ทรัพย์สินหรือให้ประโยชน์อื่นใดที่มิชอบด้วยกฎหมาย
2) ผู้นั้นได้ให้ข้อความซึ่งไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบถ้วนในสาระสำคัญ
3) ผู้นั้นไม่รู้ถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งทางปกครอง ในขณะได้รับคำสั่งทางปกครองหรือการไม่รู้นั้นเป็นไปโดยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
33. สิทธิได้รับค่าทดแทนความเสียหายเนื่องจากความเชื่อโดยสุจริตในความคงอยู่ของคำสั่งทางปกครองได้ จะต้องร้องขอค่าทดแทนภายในกี่วัน
ก. 60 วัน ข. 90 วัน
ค. 180 วัน ง. 240 วัน
คำตอบ ค. มาตรา 52 คำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 51 อาจถูกเพิกถอนทั้งหมดหรือบางส่วนได้ แต่ผู้ได้รับผลกระทบจากการเพิกถอนคำสั่งทางปกครองดังกล่าวมีสิทธิได้รับค่าทดแทนความเสียหาย เนื่องจากความเชื่อโดยสุจริตในความคงอยู่ของคำสั่งทางปกครองได้ และให้นำความในมาตรา 51 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ต้องร้องขอค่าทดแทนภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่ได้รับแจ้งให้ทราบถึงการเพิกถอนนั้น
34. คำสั่งทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นการให้ประโยชน์แก่ผู้รับคำสั่งทางปกครอง อาจถูกเพิกถอนได้ เมื่อมีกรณีตามข้อใด
ก. มีกฎหมายให้เพิกถอนได้
ข. ข้อเท็จจริงและพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป
ค. อาจเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประโยชน์สาธารณะ หรือต่อประชาชนอันจำเป็นต้องป้องกันหรือขจัดเหตุดังกล่าว
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. คำสั่งทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งเป็นการให้ประโยชน์แก่ผู้รับคำสั่งทางปกครอง อาจถูกเพิกถอนทั้งหมดหรือบางส่วน โดยให้มีผลตั้งแต่ขณะที่เพิกถอนหรือมีผลในอนาคตไปถึงขณะใดขณะหนึ่ง ตามที่กฎหมายได้เฉพาะเมื่อมีกรณีดังต่อไปนี้
1) มีกฎหมายกำหนดให้เพิกถอนได้ หรือมีข้อสงวนสิทธิให้เพิกถอนได้ในคำสั่งทางปกครองนั้นเอง
2) คำสั่งทางปกครองนั้นมีข้อกำหนดให้ผู้รับประโยชน์ต้องปฏิบัติ แต่ไม่มีการปฏิบัติภายในเวลาที่กำหนด
3) ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหากมีข้อเท็จจริงและพฤติการณ์เช่นนี้ในขณะทำคำสั่งทางปกครองแล้ว เจ้าหน้าที่คงจะไม่ทำคำสั่งทางปกครองนั้น และหากไม่เพิกถอนจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะได้
4) บทกฎหมายเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหากมีบทกฎหมายเช่นนี้ในขณะทำคำสั่งทางปกครองแล้ว เจ้าหน้าที่คงจะ
ไม่ทำคำสั่งทางปกครองนั้น แต่การเพิกถอนในกรณีนี้ให้กระทำได้เท่าที่ผู้รับประโยชน์ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือ
ยังไม่ได้รับประโยชน์ตามคำสั่งทางปกครองดังกล่าว และหากไม่เพิกถอนจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประโยชน์
สาธารณะได้
5) อาจเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประโยชน์สาธารณะหรือต่อประชาชนอันจำเป็นต้องป้องกันหรือ
ขจัดเหตุดังกล่าว
35. คำสั่งทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นการให้เงินหรือให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์ที่อาจแบ่งแยกได้
อาจถูกเพิกถอนได้ในกรณีใด
ก. มิได้ปฏิบัติหรือปฏิบัติล่าช้า ในอันที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของคำสั่งทางปกครอง
ข. ผู้ได้รับประโยชน์มิได้ปฏิบัติหรือปฏิบัติล่าช้าในอันที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขของคำสั่งทางปกครอง
ค. มีกฎหมายให้เพิกถอนได้
ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข.
ตอบ ง. คำสั่งทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นการให้เงิน หรือให้ทรัพย์สิน หรือให้ประโยชน์ที่อาจแบ่งแยกได้อาจถูกเพิกถอนทั้งหมดหรือบางส่วน โดยให้มีผลย้อนหลัง หรือไม่มีผลย้อนหลัง หรือมีผลในอนาคตไปถึงขณะใดขณะหนึ่งตามที่กำหนดดังต่อไปนี้
1) มิได้ปฏิบัติหรือปฏิบัติล่าช้าในอันที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขของคำสั่งทางปกครอง
2) ผู้ได้รับประโยชน์มิได้ปฏิบัติหรือปฏิบัติล่าช้าในอันที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขของคำสั่งทางปกครอง
36. การจะขอให้พิจารณาใหม่ได้ จะต้องมีเหตุตามข้อใด
ก. มีพยานหลักฐานใหม่
ข. เจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจที่จะทำคำสั่งทางปกครองในเรื่องนั้น
ค. ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายเปลี่ยนแปลงไป
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 54 เมื่อคู่กรณีมีคำขอ เจ้าหน้าที่อาจเพิกถอนหรือแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งทางปกครองที่พ้นกำหนดอุทธรณ์ตามส่วนที่ 5 ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
1) มีพยานหลักฐานใหม่ อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ
2) คู่กรณีที่แท้จริงมิได้เข้ามาในกระบวนการพิจารณาทางปกครองหรือได้เข้ามาในกระบวนการพิจารณาครั้งก่อน แล้วแต่ถูกตัดโอกาสโดยไม่เป็นธรรมในการมีส่วนร่วมในกระบวนการพิจารณาทางปกครอง
3) เจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจที่จะทำคำสั่งทางปกครองในเรื่องนั้น
4) ถ้าคำสั่งทางปกครองได้ออกโดยอาศัยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใด และต่อมาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญทางที่จะเป็นประโยชน์แก่คู่กรณี
77. การยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ต้องยื่นภายในกี่วันนับแต่ได้รู้เหตุซึ่งอาจขอให้พิจารณาใหม่ได้
ก. 30 วัน ข. 60 วัน
ค. 90 วัน ง. 120 วัน
ตอบ ค. การยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ต้องกระทำภายในเก้าสิบวันนับแต่ผู้นั้นได้รู้ถึงเหตุ ซึ่งอาจขอให้พิจารณาใหม่ได้
37. คำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ผู้ใดชำระเงิน ถ้าถึงกำหนดแล้วไม่มีการชำระโดยถูกต้องครบถ้วน เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการอย่างไร
ก. มีหนังสือเตือนให้ชำระภายในกำหนด
ข. ถ้าไม่มีการปฏิบัติตามคำเตือน ให้ยึดหรืออายัดทรัพย์ของผู้นั้น
ค. ขายทอดตลาดเพื่อชำระเงินให้ครบถ้วน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 57 คำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ผู้ใดชำระเงิน ถ้าถึงกำหนดแล้วไม่มีการชำระโดยถูกต้อง ครบถ้วน ให้เจ้าหน้าที่มีหนังสือเตือนให้ผู้นั้นชำระภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่า 7 วัน ถ้าไม่มีการ ปฏิบัติตามคำเตือน เจ้าหน้าที่อาจใช้มาตรการบังคับทางปกครองโดยยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้นั้น และขาย ทอดตลาดเพื่อชำระเงินให้ครบถ้วน
38. คำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้กระทำหรือละเว้นการกระทำ ถ้าผู้อยู่ในบังคับของคำสั่งทางปกครองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหน้าที่จะใช้มาตรการบังคับทางปกครองอย่างไร
ก. เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการด้วยตนเอง
ข. เจ้าหน้าที่มอบหมายให้บุคคลอื่นกระทำการแทน
ค. ให้มีการชำระค่าปรับทางปกครองตามจำนวนที่สมควรแก่เหตุ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 58 คำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้กระทำหรือละเว้นกระทำ ถ้าผู้อยู่ในบังคับของคำสั่งทางปกครองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหน้าที่อาจใช้มาตรการบังคับทางปกครองอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
1) เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการด้วยตนเองหรือมอบหมายให้บุคคลอื่นกระทำการแทน โดยผู้อยู่ในบังคับของคำสั่งทางปกครองจะต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายและเงินเพิ่มในอัตราร้อยละยี่สิบห้าต่อปีของค่าใช้จ่ายดังกล่าวแก่เจ้าหน้าที่
2) ให้มีการชำระค่าปรับทางปกครองตามจำนวนที่สมควรแก่เหตุ แต่ต้องไม่เกินสองหมื่นบาทต่อวัน
39. ก่อนใช้มาตรการบังคับทางปกครองตามข้อ 38 เจ้าหน้าที่ต้องมีคำเตือนเป็นหนังสือ ซึ่งคำเตือนดังกล่าวจะต้องระบุอะไรบ้าง
ก. มาตรการบังคับทางปกครองที่จะใช้
ข. ค่าใช้จ่ายในการที่เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการด้วยตนเอง
ค. จำนวนค่าปรับทางปกครอง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 59 ก่อนใช้มาตรการบังคับทางปกครองตามมาตรา 58 เจ้าหน้าที่จะต้องมีคำเตือนเป็นหนังสือให้มีการกระทำหรือละเว้นกระทำตามคำสั่งทางปกครองภายในระยะเวลาที่กำหนดตามสมควรแก่กรณี คำเตือนดังกล่าวจะกำหนดไปพร้อมกับคำสั่งทางปกครองก็ได้
39. กรณีที่ผู้ใดไม่อาจกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งภายในเวลาที่กำหนดได้ จะต้องยื่นคำขอต่อเจ้าหน้าที่ภายในกี่วัน
ก. 7 วัน ข. 15 วัน
ค. 30 วัน ง. 45 วัน
ตอบ ข. มาตรา 66 ในกรณีที่ผู้ใดไม่อาจกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกฎหมายได้ เพราะมีพฤติการณ์ที่จำเป็นอันมิได้เกิดขึ้นจากความผิดของผู้นั้น ถ้าผู้นั้นมีคำขอเจ้าหน้าที่อาจขยายเวลาและดำเนินการส่วนหนึ่งส่วนใดที่ล่วงมาแล้วเสียใหม่ก็ได้ ทั้งนี้ ต้องยื่นคำขอภายในสิบห้าวันนับแต่พฤติการณ์เช่นว่านั้นได้สิ้นสุดลง
40. การแจ้งคำสั่งทางปกครองสามารถทำได้โดยวิธีการใด
ก. วาจา ข. หนังสือ
ค. การสื่อความหมายรูปแบบอื่น ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 69 การแจ้งคำสั่งทางปกครอง การนัดพิจารณา หรือการอย่างอื่นที่เจ้าหน้าที่ต้องแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบอาจกระทำด้วยวาจาก็ได้ แต่ถ้าผู้นั้นประสงค์จะให้กระทำเป็นหนังสือก็ให้แจ้งเป็นหนังสือ
41. การแจ้งโดยวิธีส่งทางไปรษณีย์ตอบรับภายในประเทศ ให้ถือว่าได้รับแจ้งเมื่อครบกำหนดกี่วันนับแต่วันส่ง
ก. 3 วัน ข. 7 วัน
ค. 10 วัน ง. 15 วัน
ตอบ ข. มาตรา 71 การแจ้งโดยโดยวิธีส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ ให้ถือว่าได้รับแจ้งเมื่อครบกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันส่ง สำหรับกรณีภายในประเทศ เว้นแต่จะมีการพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการได้รับหรือได้รับก่อนหรือหลังจากวันนั้น
42. กรณีที่มีผู้รับการแจ้งคำสั่งเกินสิบห้าคน การแจ้งต่อบุคคลเหล่านั้นจะกระทำโดยวิธีใด
ก. แจ้งด้วยวาจา ข. ส่งไปรษณีย์ตอบรับ
ค. การปิดประกาศ ง. ประกาศในหนังสือพิมพ์
ตอบ ก. มาตรา 72 ในกรณีที่มีผู้รับเกินสิบห้าคน เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ทราบตั้งแต่เริ่มดำเนินการในเรื่องนั้นว่า การแจ้งต่อบุคคลเหล่านั้นจะกระทำโดยวิธีปิดประกาศไว้ ณ ที่ทำการของเจ้าหน้าที่และที่ว่าการอำเภอที่ผู้รับมีภูมิลำเนาก็ได้ ในกรณีนี้ให้ถือว่าได้รับแจ้งเมื่อล่วงพ้นระยะเวลาสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้แจ้งโดยวิธีดังกล่าว
43. กรณีไม่รู้ตัวผู้รับหรือรู้ตัวแต่ไม่รู้ภูมิลำเนา การแจ้งต้องทำอย่างไร
ก. แจ้งด้วยวาจา ข. ส่งไปรษณีย์ตอบรับ
ค. การปิดประกาศ ง. ประกาศในหนังสือพิมพ์
ตอบ ง. มาตรา 73 ในกรณีที่ไม่รู้ตัวผู้รับ หรือรู้ตัวแต่ไม่รู้ภูมิลำเนา หรือรู้ตัวแต่ภูมิลำเนา แต่มีผู้รับเกินหนึ่งร้อยคน การแจ้งเป็นหนังสือจะกระทำโดยการประกาศในหนังสือพิมพ์ ซึ่งแพร่หลายในท้องถิ่นนั้นก็ได้ ในกรณีนี้ให้ถือว่าได้รับแจ้ง เมื่อล่วงพ้นระยะเวลาสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้แจ้งโดยวิธีดังกล่าว
#คลิ๊กดูแนวข้อสอบราชการที่ www.โหลดแนวข้อสอบราชการ.com
พิชิตฝัน มุ่งสู่เส้นชัย กับหนังสือสอบราชการที่ตรงใจคุณ
** เตรียมตัวให้พร้อม สอบติดชัวร์ **
แนวข้อสอบมี 2 รูปแบบ
1.แบบที่ 1 รอรับได้เลย ราคาเพียง 399 บาท (รอรับ 1-2 ชม หลังโอน)
2.แบบที่ 2 หนังสือ **ฟรี MP3** ราคา 699 บาท (ส่งฟรีขนส่งเอกชน)
ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อแนวข้อสอบ
โทร: 082-8551615 (คุณปาณิสรา)
Line ID : Panisara_test หรือคลิ๊กสั่งซื้อทันที
ชำระค่าสินค้าและบริการ
-ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 983-0-97701-3
-ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 549-2-17930-4
(ชื่อบัญชี ปาณิสรา พระกาย ออมทรัพย์ )#สอบราชการ #หนังสือสอบราชการ #คู่มือสอบ #แนวข้อสอบ #เฉลย #เทคนิค #เตรียมตัวสอบ #พิชิตฝัน #เส้นชัย #โปรโมชั่น #ส่งฟรี #ของแถม