แนวข้อสอบ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545
และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553
*************************************
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553
1. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2553 ที่ปรับปรุงใหม่ มีกี่มาตรา
ก. 4 มาตรา ข. 5 มาตรา
ค. 6 มาตรา ง. 7 มาตรา
ตอบ ก.4 มาตรา
2. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2553 ให้ไว้ ณ วันที่ใด
ก. วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ข. วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ค. วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ง. วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ตอบ ก.วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
3. เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2553 เพื่อสิ่ง
ใดต่อไปนี้
ก. การบริหารและการจัดการศึกษามีประสิทธิภาพ
ข. การพัฒนาการศึกษาแก่นักเรียนทั้งสองระดับ
ค. นักเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา พัฒนาการศึกษาให้มีสัมฤทธิผลและมีคุณภาพยิ่งขึ้น
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานประกอบด้วยการศึกษาระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา ซึ่งมีระบบการบริหารและการจัดการศึกษาของทั้งสองระดับรวมอยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา ทำให้การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเกิดความไม่คล่องตัวและเกิดปัญหาการพัฒนาการศึกษา สมควรแยกเขตพื้นที่การศึกษาออกเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เพื่อให้การบริหารและการจัดการศึกษามีประสิทธิภาพ อันจะเป็นการพัฒนาการศึกษาแก่นักเรียนในช่วงชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้สัมฤทธิผลและมีคุณภาพยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
4. การประกาศใช้ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2553 อยู่ในหนังสือ
เล่มใด
ก. อยู่ในเล่ม 125 ตอนที่ 35 ก ข. อยู่ในเล่ม 127 ตอนที่ 45 ก
ค. อยู่ในเล่ม 129 ตอนที่ 55 ก ง. อยู่ในเล่ม 131 ตอนที่ 65 ก
ตอบ ข.อยู่ในเล่ม 127 ตอนที่ 45 ก
5. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2553 ฉบับปัจจุบัน เป็นฉบับที่เท่าไร
ก. ฉบับที่ 2 ข. ฉบับที่ 3
ค. ฉบับที่ 4 ง. ฉบับที่ 5
ตอบ ข.ฉบับที่ 3
6. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2553 ใช้เป็นปีที่เท่าไรในรัชการปัจจุบัน
ก. เป็นปีที่ 35 ในรัชการปัจจุบัน ข. เป็นปีที่ 45 ในรัชการปัจจุบัน
ค. เป็นปีที่ 55 ในรัชการปัจจุบัน ง. เป็นปีที่ 65 ในรัชการปัจจุบัน
ตอบ ง.เป็นปีที่ 65 ในรัชการปัจจุบัน
7. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2553 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ก. วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ข. วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ค. วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ง. วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ตอบ ข.วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
8. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2553 มีผลบังคับใช้เมื่อใด
ก. วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ข. วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ค. วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ง. วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ตอบ ค.วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
9. ข้อใดกล่าวถูกต้องตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับปัจจุบัน
ก. การจัดสรรโอกาสเข้าศึกษาต่อจะใช้วิธีการเดียวกันทั่วประเทศ
ข. สถานศึกษาจะต้องได้รับการประกันคุณภาพภายนอกอย่างน้อย 1 ครั้ง ทุก 2 ปี
ค. สถานศึกษาแต่ละแห่งจะมีการจำทำหลักสูตรเป็นของตนเอง
ง. จะเน้นความรู้ทักษะด้านภาษาต่างประเทศในการเรียนการสอนมากกว่าวิชาอื่นๆ
ตอบ ค. สถานศึกษาแต่ละแห่งจะมีการจำทำหลักสูตรเป็นของตนเอง
10. ข้อใดกล่าวถูกต้อง เกี่ยวกับการตราพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2553
ก. การตรา พรบ.ขึ้นไว้โดย คำแนะนำและยินยอมของสภาการศึกษาแห่งชาติ
ข. การตรา พรบ.ขึ้นไว้โดย คำแนะนำของสภาการศึกษาแห่งชาติ
ค. การตรา พรบ.ขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
ง. การตรา พรบ.ขึ้นไว้โดยคำแนะนำของรัฐสภา
ตอบ ค. การตรา พรบ.ขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
11. มาตราใดในพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2553 กล่าวถึงสถานศึกษา
เอกชนและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ก. มาตรา 4 ข. มาตรา 3
ค. มาตรา 2 ง. มาตรา 1
ตอบ ก.มาตรา 4
มาตรา ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคห้าของมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ “ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่งในส่วนที่เกี่ยวกับสถานศึกษาเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่าจะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเขตพื้นที่การศึกษาใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน”
12. อำนาจในการประกาศกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาไปตามข้อใด
ก. นายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนาจประกาศกำหนด
ข. ต้องเป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคำแนะนำของสภาการศึกษามีอำนาจประกาศกำหนด
ง. เป็นอำนาจของเลขาธิการสภาการศึกษา
ตอบ ค.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคำแนะนำของสภาการศึกษามีอำนาจประกาศกำหนด
13. จากมาตรา 4 ของ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2553 ให้เพิ่มความ
ต่อไปนี้เป็นวรรคห้าของมาตราใดแห่ง พรบ.กศช. /2542 และ แก้ไข 2545
ก. มาตรา 37 ข. มาตรา 38
ค. มาตรา 39 ง. มาตรา 40
ตอบ ข.มาตรา 38
14. ในมาตรา 3 ของ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2553 และให้ใช้
ข้อความนี้แทน “มาตรา 37 การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้สถานศึกษา
ได้ยึดอะไรเป็นสำคัญของมาตรานี้
ก. เขตพื้นที่การศึกษา ข. ระดับของการศึกษา
ค. จำนวนสถานศึกษา ง. จำนวนประชากร
ตอบ ก.เขตพื้นที่การศึกษา
15. ใครเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2553
ก. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ค. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล
ข. นายสมัคร สุนทรเวช ง. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
ตอบ ก. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545
16. พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545 มีกี่มาตรา
ก. 4 มาตรา ค. 7 มาตรา
ข. 9 มาตรา ง. 5 มาตรา
ตอบ ข. 9 มาตรา
17. พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545 ให้ไว้ ณ วันใด
ก. 6 ธันวาคม 2545 ค. 8 ธันวาคม 2545
ข. 7 ธันวาคม 2545 ง. 9 ธันวาคม 2545
ตอบ ค. 8 ธันวาคม 2545
18. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545 ใช้เป็นปีที่เท่าไรในรัชการปัจจุบัน
ก. เป็นปีที่ 35 ในรัชการปัจจุบัน ข. เป็นปีที่ 45 ในรัชการปัจจุบัน
ค. เป็นปีที่ 55 ในรัชการปัจจุบัน ง. เป็นปีที่ 57 ในรัชการปัจจุบัน
ตอบ ง. เป็นปีที่ 57 ในรัชการปัจจุบัน
19. พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ก. 19 มกราคม 2545 ค. 21 ธันวาคม 2545
ข. 20 ธันวาคม 2545 ง. 19 ธันวาคม 2545
ตอบ ง. 19 ธันวาคม 2545
20. พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545 มีผลบังคับใช้เมื่อใด
ก. 19 มกราคม 2545 ค. 21 ธันวาคม 2545
ข. 20 ธันวาคม 2545 ง. 19 ธันวาคม 2545
ตอบ ข.20 ธันวาคม 2545
21. พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545 ให้ยกเลิกบทนิยาม คำว่า “กระทรวง”ในมาตราใด แห่ง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
ก. มาตรา 4 ค. มาตรา 31
ข. มาตรา 5 ง. มาตรา 32
ตอบ ก. มาตรา 4
22. ใครเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545
ก. นายสมัคร สุนทรเวช ค. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล
ข. พันตำรวจโท ทักษิณ ชันวัตร ง. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
ตอบ ข. พันตำรวจโท ทักษิณ ชันวัตร
23. ข้อใดคือเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545
ก. รัฐบาลมีนโยบายในกาปฏิรูประบบราชการ
ข. ปรับปรุงการบริหารและการจัดการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา
ค. ให้มีคณะกรรมการอาชีวศึกษาทำหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนามาตรฐานและหลักสูตรสอดคล้องกับความต้องการ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545
24. พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มีจำนวนกี่หมวด กี่มาตรา
ก.8 หมวด 78 มาตรา ข.8 หมวด 87 มาตรา
ค.9 หมวด 87 มาตรา ง.9 หมวด 78 มาตรา
ตอบ ง. 9 หมวด 78 มาตรา
25. พรบ.การศึกษาแห่งชาติ 2542 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่
ก.19 ส.ค. 42 ข.20 ส.ค. 42
ค.1 ต.ค. 42 ง.1 พ.ย. 42
ตอบ ข.20 ส.ค. 42
26. หลักในการจัดการศึกษาตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 เป็นไปตามข้อใด
ก. เป็นการศึกษาตลอดชีวิตของประชาชน
ข. ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
ค. พัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
มาตรา ๘ การจัดการศึกษาให้ยึดหลักดังนี้
(๑) เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
(๒) ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
(๓) การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
27. พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กำหนดให้รัฐต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่ากี่ปี
ก. 7 ปี ข. 10 ปี
ค. 12 ปี ง. 15 ปี
ตอบ ค.12 ปี
มาตรา ๑๐ การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
28. รูปแบบของการจัดการศึกษาตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 กำหนดไว้กี่รูปแบบ
ก. รูปแบบเดียว ข. 2 รูปแบบ
ค. 3 รูปแบบ ง. 4 รูปแบบ
ตอบ ค. 3 รูปแบบ
มาตรา ๑๕ การจัดการศึกษามีสามรูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
29. การศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล เป็นเงื่อนไขสำคัญของการสำเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องหารของบุคคลแต่ละกลุ่มหมายถึงการจัดการศึกษารูปแบบใด
ก. การศึกษาในระบบ ข. การศึกษานอกระบบ
ค. การศึกษาตามอัธยาศัย ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ข.การศึกษานอกระบบ
(๒) การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสำเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม
30. การศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล เป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน หมายถึงการศึกษารูปแบบใด
ก. การศึกษาในระบบ ข.การศึกษานอกระบบ
ค. การศึกษาตามอัธยาศัย ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก.การศึกษาในระบบ
(๑) การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน
31. การศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพ ความพร้อมและโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม สภาพแวดล้อม สื่อ หรือแหล่งความรู้อื่น หมายถึงการจัดการศึกษารูปแบบใด
ก. การศึกษามนระบบ ข.การศึกษานอกระบบ
ค. การศึกษาตามอัธยาศัย ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค.การศึกษาตามอัธยาศัย
(๓) การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพ ความพร้อม และโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม สภาพแวดล้อม สื่อ หรือแหล่งความรู้อื่น ๆ
32. การศึกษาในระบบแบ่งออกเป็นกี่ระดับ
ก. มีระดับเดียว ข. 2 ระดับ
ค. 3 ระดับ ง. 4 ระดับ
ตอบ ข.2 ระดับ
มาตรา ๑๖ การศึกษาในระบบมีสองระดับ คือ การศึกษาขั้นพื้นฐาน และการศึกษาระดับอุดมศึกษา
การศึกษาขั้นพื้นฐานประกอบด้วย การศึกษาซึ่งจัดไม่น้อยกว่าสิบสองปีก่อนระดับอุดมศึกษา การแบ่งระดับและประเภทของการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
การศึกษาระดับอุดมศึกษาแบ่งเป็นสองระดับ คือ ระดับต่ำกว่าปริญญา และระดับปริญญา
33. ข้อใดเป็นการศึกษาระดับอุดมศึกษา
ก. ระดับต่ำกว่าปริญญา ข. ระดับปริญญา
ค. การศึกษาขั้นพื้นฐาน ง. ถูกเฉพาะข้อ ก และข้อ ข
ตอบ ง.ถูกเฉพาะข้อ ก และข้อ ข
34. ระดับที่กำหนดไว้สำหรับการศึกษาในระบบ คือข้อใด
ก. การศึกษาขั้นพื้นฐาน และการศึกษาระดับอุดมศึกษา
ข. ระดับต่ำกว่าปริญญา และระดับปริญญา
ค. การศึกษาภาคบังคับ และการศึกษาระดับอุดมศึกษา
ง. การศึกษาภาคบังคับ การศึกษาระดับอุดมศึกษา และการอาชีวศึกษา
ตอบ ก.การศึกษาขั้นพื้นฐาน และการศึกษาระดับอุดมศึกษา
35. พ.ร.บ. นี้ได้กำหนดการศึกษาภาคบังคับไว้จำนวนกี่ปี
ก. 5 ปี ข. 7 ปี
ค. 9 ปี ง. 12 ปี
ตอบ ค.9 ปี
มาตรา ๑๗ ให้มีการศึกษาภาคบังคับจำนวนเก้าปี โดยให้เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ด เข้าเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจนอายุย่างเข้าปีที่สิบหก เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับ หลักเกณฑ์และวิธีการนับอายุให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
36. เด็กต้องเข้าเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเมื่อมีอายุเท่าใด
ก. ย่างเข้าปีที่ 5 ข. ย่างเข้าปีที่ 7
ค. ย่างเข้าปีที่ 9 ง. ย่างเข้าปีที่ 11
ตอบ ข.ย่างเข้าปีที่ 7
37. สถานศึกษาตามข้อใดที่จัดการศึกษาปฐมวัยและการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ก. สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ข. โรงเรียน
ค. ศูนย์การเรียน ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
มาตรา ๑๘ การจัดการศึกษาปฐมวัยและการศึกษาขั้นพื้นฐานให้จัดในสถานศึกษา ดังต่อไปนี้
(๑) สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ได้แก่ ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนเกณฑ์ของสถาบันศาสนา ศูนย์บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มของเด็กพิการและเด็กซึ่งมีความต้องการพิเศษ หรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่เรียกชื่ออย่างอื่น
(๒) โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนของรัฐ โรงเรียนเอกชน และโรงเรียนที่สังกัดสถาบันพุทธศาสนาหรือศาสนาอื่น
(๓) ศูนย์การเรียน ได้แก่ สถานที่เรียนที่หน่วยงานจัดการศึกษานอกโรงเรียน บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบันสังคมอื่นเป็นผู้จัด
38. กำหนดระยะเวลาในการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาทุกแห่งเป็นไปตามข้อใด
ก. อย่างน้อย 1 ครั้งทุกๆปี ข. อย่างน้อย 1 ครั้งทุก 3 ปี
ค. อย่างน้อย 1 ครั้งทุก 5 ปี ง. อย่างน้อย 2 ครั้งในแต่ละปี
ตอบ ค. อย่างน้อย 1 ครั้งทุก 5 ปี
39. กรณีผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษาไม่ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด และสถานศึกษาไม่ได้ปรับปรุงแก้ไขภายในเวลาที่กำหนด สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาต้องรายงานต่อบุคคลตามข้อใด
ก. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข. คณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ค. คณะกรรมการการอุดมศึกษา
ง. ถูกทุกข้อแล้วแต่กรณีว่าสถานศึกษาที่ถูกประเมินอยู่ภายใต้กรมการคณะใด
ตอบ ง.ถูกทุกข้อแล้วแต่กรณีว่าสถานศึกษาที่ถูกประเมินอยู่ภายใต้กรมการคณะใด
40. พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติให้ความหมายการศึกษาหมายถึงกิจกรรมดังต่อไปนี้ ยกเว้นข้อใด
ก. กระบวนการเรียนรู้ ข. การฝึกอบรม
ค. การสืบสานวัฒนธรรม ง. การศึกษาดูงาน
ตอบ ง.การศึกษาดูงาน
“การศึกษา” หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
41. ข้อใดไม่สอดคล้องกับการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามความมุ่งหมายของ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ
ก. ปลูกฝังจิตสำนึกการเมือง การปกครองระบอบประชาธิปไตยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ข. รักษา และส่งเสริมสิทธิ หน้าที่ เสรีภาพเคารพกฎหมาย
ค. รู้จักรักษาผลประโยชน์ ส่วนรวมของประเทศชาติ
ง. กระจายการพัฒนาไปสู่ชนบทโดยการมีส่วนร่วมของภูมิปัญญาท้องถิ่น
ตอบ ง.กระจายการพัฒนาไปสู่ชนบทโดยการมีส่วนร่วมของภูมิปัญญาท้องถิ่น
มาตรา ๗ ในกระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รู้จักรักษาและส่งเสริมสิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ ความเคารพกฎหมาย ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย รู้จักรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติ รวมทั้งส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมของชาติ การกีฬา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย และความรู้อันเป็นสากล ตลอดจนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความสามารถในการประกอบอาชีพ รู้จักพึ่งตนเอง มีความริเริ่มสร้างสรรค์ ใฝ่รู้และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง
42. ข้อใดไม่สอดคล้องการจัดระบบโครงสร้างและกระบวนการการจัดการศึกษา
ก. กระจายอำนาจสู่สถานศึกษาทั้งหมด
ข. กำหนดมาตรฐานการศึกษา จัดระบบประกันคุณภาพ
ค. มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครูคณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา
ง. ระดมทรัพยากรจากแหล่งต่าง ๆ มาใช้ในการจัดการศึกษา
ตอบ ก.กระจายอำนาจสู่สถานศึกษาทั้งหมด
มาตรา ๙ การจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา ให้ยึดหลักดังนี้
(๑) มีเอกภาพด้านนโยบาย และมีความหลากหลายในการปฏิบัติ
(๒) มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(๓) มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับและประเภทการศึกษา
(๔) มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา และการพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
(๕) ระดมทรัพยากรจากแหล่งต่าง ๆ มาใช้ในการจัดการศึกษา
(๖) การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น
43. ข้อใดต่อไปนี้ไม่กล่าวถึงสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ก. บุคคล ข. เอกชน
ค. องค์กรปกครองท้องถิ่น ง. ครู อาจารย์
ตอบ ง.ครู อาจารย์
มาตรา ๑๒ นอกเหนือจากรัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น มีสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
44. ข้อใดไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ บิดามารดา ผู้ปกครอง พึงได้รับในการจัดการศึกษา
ก. การสนับสนุนจากรัฐ ให้ความรู้ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู
ข. การยกเว้นเงินภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา
ค. เงินอุดหนุนจากรัฐสำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของคนในการดูแล
ง. การให้การศึกษาแก่บุตรหรือบุคคลในการดูแล
ตอบ ข.การยกเว้นเงินภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา
มาตรา ๑๓ บิดา มารดา หรือผู้ปกครองมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ ดังต่อไปนี้
(๑) การสนับสนุนจากรัฐ ให้มีความรู้ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู และการให้การศึกษาแก่บุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแล
(๒) เงินอุดหนุนจากรัฐสำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของบุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแลที่ครอบครัวจัดให้ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายกำหนด
(๓) การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษาตามที่กฎหมายกำหนด
45. จุดที่ต่างกันของการศึกษาในระบบ นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่สำคัญคือข้อใด
ก. ระยะเวลาที่จัดการศึกษา ข. สถานที่จัดการศึกษา
ค. ตัวผู้เข้ารับการศึกษา ง. จุดหมาย วิธีการ หลักสูตร
ตอบ ง.จุดหมาย วิธีการ หลักสูตร
46. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการศึกษาตามอัธยาศัย
ก. สถานศึกษา ต้องจัดการศึกษา ทั้งในระบบนอกระบบ และตามอัธยาศัย
ข. ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจศักยภาพ ความพร้อม และโอกาส
ค. จัดการเรียนรู้ได้ในทุกที่ ทุกเวลา
ง. ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมเป็นแหล่งเรียนรู้ได้
ตอบ ก. สถานศึกษา ต้องจัดการศึกษา ทั้งในระบบนอกระบบ และตามอัธยาศัย
47. ต่อไปนี้ ข้อใดไม่ใช่ สถานศึกษาสำหรับปฐมวัยและการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ก. โรงเรียน ข. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
ค. ศูนย์พัฒนาชุมชน ง. ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนเกณฑ์ สถาบันศาสนา
ตอบ ค.ศูนย์พัฒนาชุมชน
มาตรา ๑๘ การจัดการศึกษาปฐมวัยและการศึกษาขั้นพื้นฐานให้จัดในสถานศึกษา ดังต่อไปนี้
(๑) สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ได้แก่ ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนเกณฑ์ของสถาบันศาสนา ศูนย์บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มของเด็กพิการและเด็กซึ่งมีความต้องการพิเศษ หรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่เรียกชื่ออย่างอื่น
(๒) โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนของรัฐ โรงเรียนเอกชน และโรงเรียนที่สังกัดสถาบันพุทธศาสนาหรือศาสนาอื่น
(๓) ศูนย์การเรียน ได้แก่ สถานที่เรียนที่หน่วยงานจัดการศึกษานอกโรงเรียน บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบันสังคมอื่นเป็นผู้จัด
48. ข้อใดไม่ถูกต้องในด้านการกระจายอำนาจให้เขตพื้นที่และสถานศึกษา
ก. ด้านวิชาการ ข. งบประมาณ
ค. หลักสูตรการสอน ง. การบริหารทั่วไป
ตอบ ค.หลักสูตรการสอน
49. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542ไม่ได้ กำหนดให้หน่วยงานใดมีสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ก. หน่วยงานหรือสถานศึกษาของรัฐและเอกชน
ข. มหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน
ค. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ง. องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ
ตอบ ข.มหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน
50. การจัดระบบโครงสร้างและกระบวนการศึกษาให้ยึดหลักอะไรบ้าง
ก. มีเอกภาพด้านนโยบายและหลากหลายในการปฏิบัติ
ข. มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา
ค. ระดมทรัพยากรจากแหล่งต่างๆ มาใช้ในการจัดการศึกษา
ง. ถูกทั้ง ก ข และ ค
ตอบ ง.ถูกทั้ง ก ข และ ค
51. แนวการจัดการศึกษาตาม พรบ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ยึดหลักตามข้อใด
ก. ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเท่ากัน ข. ถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด
ค. หลักสูตรมีความสำคัญที่สุด ง. กระบวนการเรียนการสอนสำคัญที่สุด
ตอบ ข.ถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด
มาตรา ๒๒ การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ
52. ข้อใดไม่ใช่หลักการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
ก. เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
ข. ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
ค. การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ง. การจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญาอารมณ์ และสังคม
ตอบ ง.การจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญาอารมณ์ และสังคม
มาตรา ๘ การจัดการศึกษาให้ยึดหลักดังนี้
(๑) เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
(๒) ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
(๓) การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
53. พรบ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 เป็นกฎหมายที่ตราขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 มาตราใด
ก. มาตรา 43 ข. มาตรา 81
ค. มาตรา 289 ง. มาตรา 336
ตอบ ข.มาตรา 81
54. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิ์จัดการศึกษาระดับใด
ก. การศึกษาขั้นพื้นฐาน ข. การศึกษาอุดมศึกษา
ค. การศึกษานอกโรงเรียน ง. ทุกระดับ
ตอบ ง.ทุกระดับ
มาตรา ๔๑ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาในระดับใดระดับหนึ่งหรือทุกระดับตามความพร้อม ความเหมาะสมและความต้องการภายในท้องถิ่น
55. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบประกันคุณภาพภายในได้แก่
ก. สถานศึกษาเท่านั้น
ข. สถานศึกษาและเขตพื้นที่
ค. สถานศึกษา เขตพื้นที่ คณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง. สถานศึกษา เขตพื้นที่ คณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
ตอบ ง.สถานศึกษา เขตพื้นที่ คณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
56. หลักการจัดการศึกษาข้อใด ไม่สอดคล้องกับสาระตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ก. ผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้พัฒนาตนเองได้
ข. ครูต้องมีจิตสำนึกที่จะพัฒนาเด็กอย่างเต็มความสามารถ
ค. ผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด
ง. ต้องส่งเสริมผู้เรียนพัฒนาตามศักยภาพ
ตอบ ข.ครูต้องมีจิตสำนึกที่จะพัฒนาเด็กอย่างเต็มความสามารถ
57. ต่อไปนี้ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
ก. การศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายความว่าการศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา
ข. ผู้สอน หมายความว่า ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่างๆ
ค. กระทรวง หมายความว่า กระทรวงการศึกษา
ง. ครู หมายความว่าบุคลากรวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและส่งเสริมการ
เรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่างๆ ในสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน
ตอบ ค.กระทรวง หมายความว่า กระทรวงการศึกษา
“กระทรวง” หมายความว่า กระทรวงศึกษาธิการ
58. จุดเน้นของการจัดการศึกษาตามแนวการจัดการศึกษาคือข้อใด
ก. ความรู้คู่คุณธรรม
ข. ความรู้ คุณธรรม และกระบวนการเรียนรู้
ค. ความรู้กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการ
ง. ความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการตามความเหมาะสม
ตอบ ง.ความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการตามความเหมาะสม
มาตรา ๒๓ การจัดการศึกษา ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ต้องเน้นความสำคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับการศึกษาในเรื่องต่อไปนี้
(๑) ความรู้เรื่องเกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน ชาติ และสังคมโลก รวมถึงความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสังคมไทยและระบบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(๒) ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์เรื่องการจัดการ การบำรุงรักษาและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลยั่งยืน
(๓) ความรู้เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทย และการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา
(๔) ความรู้ และทักษะด้านคณิตศาสตร์ และด้านภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง
59. ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ไม่ได้กำหนดสิทธิในการรับการศึกษาสำหรับคนพิการในเรื่องใด
ก. สิ่งอำนวยความสะดวก ข. สื่อ บริการ
ค. ความช่วยเหลืออื่นใด ง. เงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐาน
ตอบ ง.เงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐาน
60. จากข้อ 55 รัฐต้องให้ความช่วยเหลือเป็นกี่เท่าของเงินทุนด้านสื่อและวัสดุการศึกษาที่จัดสรรให้แก่เด็กนักเรียนทั่วไปต่อคน
ก. ไม่เกิน 2 เท่า ข. ไม่เกิน 3 เท่า
ค. ไม่เกิน 4 เท่า ง. ไม่เกิน 5 เท่า
ตอบ ง.ไม่เกิน 5 เท่า
61. การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานแบ่งได้เป็น 3 ระดับยกเว้นข้อใด
ก. ระดับก่อนประถมศึกษา ข. ระดับประถมศึกษา
ค. ระดับมัธยมศึกษา ง. ระดับก่อนอุดมศึกษา
ตอบ ง.ระดับก่อนอุดมศึกษา
62. การจัดการศึกษาเพื่อมุ่งวางรากฐานเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ทั้งด้านคุณธรรมจริยธรรม ด้านความรู้ความสามารถขั้นพื้นฐานหมายถึงการจัดการศึกษาระดับใด
ก. ระดับก่อนประถมศึกษา ข. ระดับประถมศึกษา
ค. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ง. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ตอบ ข.ระดับประถมศึกษา
63. การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียนตามความถนัดความสนใจ ศักยภาพและความสามารถพิเศษเฉพาะด้าน เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
ก. ระดับประถมศึกษา
ข. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ค. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายประเภทสามัญศึกษา
ง. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายประเภทอาชีวศึกษา
ตอบ ค.ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายประเภทสามัญศึกษา
64. การจัดการศึกษาระดับประถมศึกษาโดยปกติใช้เวลาเรียนกี่ปี
ก. 4 ปี ข. 6 ปี
ค. 9 ปี ง. 12 ปี
ตอบ ข. 6 ปี
65. การนับอายุเด็กเพื่อเข้ารับการศึกษาภาคบังคับในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานให้นับตามข้อใด
ก. ครบเจ็ดปีในปีใดนับเด็กอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดในปีนั้น
ข. นับตามปีงบประมาณ
ค. นับตามปีปฏิทิน
ง. ข้อ ก และ ค ถูกต้อง
ตอบ ค.นับตามปีปฏิทิน
มาตรา ๑๗ ให้มีการศึกษาภาคบังคับจำนวนเก้าปี โดยให้เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ด เข้าเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจนอายุย่างเข้าปีที่สิบหก เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับ หลักเกณฑ์และวิธีการนับอายุให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
66. การจัดการศึกษาระดับใดเป็นการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพให้เป็นกำลังแรงงานที่มีฝีมือหรือการศึกษาต่อระดับในระดับอาชีพชั้นสูงต่อไป
ก. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ข. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายประเภทสามัญศึกษา
ค. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายประเภทอาชีวศึกษา
ง. ระดับที่ต่ำกว่าปริญญา
ตอบ ค.ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายประเภทอาชีวศึกษา
67. การจัดการศึกษาเพื่อวางรากฐานชีวิตและการเตรียมความพร้อมของเด็กทั้งร่างกายและจิตใจสติปัญญาอารมณ์ บุคลิกภาพและการอยู่ร่วมกันในสังคม
ก. การศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา ข. การศึกษาระดับประถมศึกษา
ค. การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ง. การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ตอบ ก.การศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา
68. หากเด็กจะเข้าเรียนการศึกษาภาคบังคับในปีการศึกษา 2551 จะต้องเป็นเด็กที่เกิดในปี พ.ศ.ใด
ก. 2541 ข. 2542
ค. 2543 ง. 2544
ตอบ ง.2544
มาตรา ๑๗ ให้มีการศึกษาภาคบังคับจำนวนเก้าปี โดยให้เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ด เข้าเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจนอายุย่างเข้าปีที่สิบหก เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับ หลักเกณฑ์และวิธีการนับอายุให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
69. ข้อใดต่างจากพวก
ก.ครู ข.คณาจารย์
ค.ผู้บริหารสถานศึกษา ง.ผู้บริหารการศึกษา
ตอบ ข.คณาจารย์
70. ความมุ่งหมายของการจัดการศึกษาตาม พรบ.นี้ ได้แก่
ก.ปรับปรุงการศึกษาให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม
ข.ปฏิรูปการศึกษาของไทย
ค.พัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ
ง.พัฒนาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ตอบ ค.พัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ
71. ข้อใดไม่ใช่หลักการ พรบ.การศึกษาแห่งชาติ 2542
ก.เป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อปวงชน
ข.เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
ค.ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
ง.พัฒนา สาระ และกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ตอบ ก.เป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อปวงชน
72. ข้อใดคือความหมายของคำว่า การศึกษา ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
ก. การศึกษา คือกระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม
ข. การศึกษา คือ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อมและสังคม
ค. การศึกษา คือ การเจริญงอกงาม
ง. การศึกษา คือ ชีวิต
ตอบ ก. การศึกษา คือกระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม
73. สมศ. หมายถึง
ก. สำนักงานรับรองมาตรฐานและประกันคุณภาพการศึกษา
ข. สำนักงานรับรองมาตรฐานและเมินคุณภาพการศึกษา
ค. สำนักรับรองมาตรฐานและประกันคุณภาพการศึกษา
ง. สำนักรับรองมาตรฐานและเมินคุณภาพการศึกษา
ตอบ ข.สำนักงานรับรองมาตรฐานและเมินคุณภาพการศึกษา
74. ข้อใดเป็นหลักการของแนวการจัดการศึกษา
ก. ยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้
ข. ถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด
ค. กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตาม
ศักยภาพ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
75. ข้อใดเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. การศึกษา
ก. สภาการศึกษา ข. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ค. คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ง. เลขาธิการสภาการศึกษา
ตอบ ง.เลขาธิการสภาการศึกษา
76. ต่อไปนี้ข้อใดไม่ใช่กรรมการโรงเรียน
ก.ผู้แทนครู ข.ผู้แทนองค์กรเอกชน
ค.ผู้แทนศิษย์เก่า ง.ผู้แทนคุณวุฒิ
ตอบ ข.ผู้แทนองค์กรเอกชน
77. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ก. มี 3 ระดับ คือ ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และก่อนอุดมศึกษา
ข. มี 3 ระดับ คือ ก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษา
ค. มี 4 ระดับ คือ ก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย
ง. มี 5 ระดับ คือ ก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับอาชีวศึกษา
ตอบ ข.มี 3 ระดับ คือ ก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษา
78. องค์กรตามข้อใดมีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบายแผนพัฒนา และมาตรฐานการอุดมศึกษา
ก. สภาการศึกษา ข. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ค. คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ง. คณะกรรมการการอุดมศึกษา
ตอบ ง.คณะกรรมการการอุดมศึกษา
79. ข้อใดไม่เป็นมาตรฐานวิชาชีพ
ก. มาตรฐานการปฏิบัติงาน ข. มาตรฐานการปฏิบัติการสอน
ค. มาตรฐานการปฏิบัติตน ง. มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ
ตอบ ข.มาตรฐานการปฏิบัติการสอน
80. สมาชิกคุรุสภามีกี่ประเภท
ก. 3 ประเภท ข. 5 ประเภท
ค. 4 ประเภท ง. 2 ประเภท
ตอบ ง.2 ประเภท
81. ข้อใดเป็นประเภทของสมาชิกคุรุสภา
ก. สมาชิกวิสามัญ ข.สมาชิกกิติมศักดิ์
ค. สมาชิกสามัญ ง.ถูกทั้ง ข และ ค
ตอบ ง.ถูกทั้ง ข และ ค
82. ข้อใดไม่ใช่หลักการจัดการศึกษาตาม พรบ.การศึกษาแห่งชาติ
ก. เป็นการศึกษาตลอดชีวิต
ข. ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
ค. พัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ง. มีเอกภาพด้านนโยบาย มีความหลากหลายในการปฏิบัติ
ตอบ ก.เป็นการศึกษาตลอดชีวิต
83. การจัดการศึกษาสาหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางร่ายกาย จิตใจ กล่าวไว้ในหมวดใด ของ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ
ก. ความมุ่งหมายและหลักการ ข. สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา
ค. ระบบการศึกษา ง. แนวการจัดการศึกษา
ตอบ ข.สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา
84. สิทธิประโยชน์ที่ผู้จัดการศึกษาจะพึงได้รับ ข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. การสนับสนุนจากรัฐ
ข. เงินอุดหนุนจากรัฐสาหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ค. การลดหย่อนภาษีทั่วไป
ง. การยกเว้นภาษีสาหรับค่าใช้จ่ายการศึกษาตามที่กฎหมายกำหนด
ตอบ ค.การลดหย่อนภาษีทั่วไป
85. การศึกษาในระบบมีกี่ระดับ
ก. 2 ระดับ คือ การศึกษาภาคบังคับและการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข. 2 ระดับ คือ การศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาอุดมศึกษา
ค. 3 ระดับ คือ ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา
ง. 4 ระดับ คือ ก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาและอุดมศึกษา
ตอบ ข.2 ระดับ คือ การศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาอุดมศึกษา
86. ข้อใดไม่ใช่สถานศึกษาในการจัดการศึกษาปฐมวัยและการศึกษาขั้นพื้นฐานตาม พรบ.การศึกษาแห่งชาติ
ก. สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ข. โรงเรียน
ค. ศูนย์การเรียน ง. วิทยาลัย
ตอบ ง.วิทยาลัย
87. การจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพอยู่ในมาตราใดของ พรบ.การศึกษาแห่งชาติ
ก. มาตรา 22 ข. มาตรา 23
ค. มาตรา 24 ง. มาตรา 25
ตอบ ก.มาตรา 22
88. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิ์จัดการศึกษาระดับใด
ก.การศึกษาขั้นพื้นฐาน ข.การศึกษาอุดมศึกษา
ค.การศึกษานอกโรงเรียน ง.ทุกระดับ
ตอบ ง.ทุกระดับ
89. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการจัดการศึกษาภาคบังคับของผู้ปกครอง
ก.เป็นสิทธิ ข.เป็นหน้าที่
ค.เป็นเสรีภาพ ง.ถูกทุกข้อ
ตอบ ข.เป็นหน้าที่
90. ต่อไปนี้ ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
ก.การศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายความว่าการศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา
ข.ผู้สอน หมายความว่าครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่างๆ
ค.กระทรวง หมายความว่ากระทรวงการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมแห่งชาติ
ง.ครู หมายความว่าบุคลากรวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและส่ง เสริมการ
เรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่างๆ ในสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน
ตอบ ค.กระทรวง หมายความว่ากระทรวงการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมแห่งชาติ
91. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ไม่ได้กำหนดให้หน่วยงานใดมีสิทธิจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ก.หน่วยงานหรือสถานศึกษาของรัฐและเอกชน
ข.มหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน
ค.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ง.องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา และสถานประกอบการ
ตอบ ข.มหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน
92. หน่วยงานตามข้อใดมีอำนาจยุบรวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตพื้นที่การศึกษา
ก. คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา ข. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ค. คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ง. เลขาธิการสภาการศึกษา
ตอบ ก.คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
93. องค์กรตามข้อใดทำหน้าที่กำกับและส่งเสริมสนับสนุนกิจการของสถานศึกษา
ก. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ข. คณะกรรมการสถานศึกษา
ค. คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ง. คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
ตอบ ข.คณะกรรมการสถานศึกษา
94. ข้อใดไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการและสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ก. กากับ ดูแลจัดตั้ง ยุบรวมหรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข. ประสานส่งเสริมและสนับสนุนสถานศึกษาเอกชน
ค. ประสานและส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ง. ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ตอบ ง.ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
95. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
ก. ผู้แทนองค์กรชุมชน ข. ผู้แทนองค์กรเอกชน
ค. ผู้แทนผู้ประกอบวิชาชีพครู ง. ผู้ทรงคุณวุฒิ
ตอบ ค.ผู้แทนผู้ประกอบวิชาชีพครู
96. คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีอำนาจหน้าที่ตามข้อใด
ก. กำหนดนโยบายและแผนพัฒนา
ข. กำกับส่งเสริมสนับสนุนกิจการของสถานศึกษา
ค. ประสานส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาเอกชน
ง. สนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา
ตอบ ข.กำกับส่งเสริมสนับสนุนกิจการของสถานศึกษา
97. ข้อใดเป็นหัวใจสำคัญของระบบการประกันคุณภาพภายใน
ก. ดำเนินการโดยหน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษา
ข. เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษา
ค. มีการจัดทารายงานประจาปีเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเปิดเผยต่อ
สาธารณชน
ง. เพื่อพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา
ตอบ ง. เพื่อพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา
98. ข้อใดไม่ได้กำหนดไว้ในระบบการประกันคุณภาพภายนอก
ก. ประเมินผลและติดตามตรวจสอบโดย สมศ.
ข. คำนึงถึงความมุ่งหมาย หลักการและแนวการจัดการศึกษา
ค. ให้มีการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อย 1 ครั้งในทุก 5 ปีนับแต่การ
ประเมินครั้งสุดท้าย
ง. เสนอยุบเลิกโรงเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน
ตอบ ง.เสนอยุบเลิกโรงเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน
99. ใครเป็นผู้กำหนดหลักสูตรแกนกลางศึกษาขั้นพื้นฐาน
ก.กระทรวงศึกษาธิการ ศาสนา และวัฒนธรรม
ข.สภาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแห่งชาติ
ค.คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง.คณะกรรมการจัดทำหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน
ตอบ ค.คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
100. การแบ่งเขตพื้นที่การศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้คำนึงถึงเรื่องใดเป็นหลัก
ก.ปริมาณสถานศึกษา และความเหมาะสม ด้านอื่น
ข.จำนวนประชากร และความเหมาะสมด้านอื่น
ค.ปริมาณสถานศึกษา และจำนวนประชากร
ง.ปริมาณสถานศึกษา จำนวนประชากร และความเหมาะสมด้านอื่น
ตอบ ง.ปริมาณสถานศึกษา จำนวนประชากร และความเหมาะสมด้านอื่น
101. ตามพระราชบัญญัตินี้กำหนดให้กระทรวงกระจายอำนาจ ในด้านใดบ้าง
ก.บริหารบุคคล งบประมาณ บริหาร จัดการ และบริหารทั่วไป
ข.วิชาการ บริหารบุคคล งบประมาณและการ มีส่วนร่วม
ค.วิชาการ งบประมาณ บริหารบุคคลและการบริหารทั่วไป
ง.งบประมาณ บริหารบุคคล การมีส่วนร่วม และการบริหารทั่วไป
ตอบ ค.วิชาการ งบประมาณ บริหารบุคคลและการบริหารทั่วไป
102. ใครเป็นผู้จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
ก.หน่วยงานต้นสังกัด และสถานศึกษา
ข.เขตพื้นที่การศึกษาขั้นพื้นฐานและสถานศึกษาหน่วยงานอิสระ และสถานศึกษา
ค.หน่วยงานอิสระ และสถานศึกษา
ง.องค์กรมหาชน และสถานศึกษา
ตอบ ก.หน่วยงานต้นสังกัด และสถานศึกษา
มาตรา ๔๘ ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดทำรายงานประจำปีเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา และเพื่อรองรับการประกันคุณภาพภายนอก
103. สถานศึกษาตามข้อใดจะต้องจัดให้มีคณะกรรมการสถานศึกษา
ก. สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ข. สถานศึกษาระดับอุดมศึกษา
ค. สถานศึกษาอาชีวศึกษา ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
104. สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา มีสถานภาพตามข้อใด
ก. เป็นส่วนราชการ ข. องค์การมหาชน
ค. เป็นรัฐวิสาหกิจ ง. เป็นเอกชน
ตอบ ข.องค์การมหาชน
มาตรา ๔๙ ให้มีสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา มีฐานะเป็นองค์การมหาชนทำหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และทำการประเมินผลการจัดการศึกษาเพื่อให้มีการตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษา โดยคำนึงถึงความมุ่งหมายและหลักการและแนวการจัดการศึกษาในแต่ละระดับตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้
ให้มีการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกห้าปีนับตั้งแต่การประเมินครั้งสุดท้าย และเสนอผลการประเมินต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน
105. กระทรวงศึกษาธิการอาจจัดให้มีการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อเสริมการบริหารและการจัดการของ เขตพื้นที่การศึกษาข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
ก. การจัดการศึกษาทางไกลและการให้บริการในเขตพื้นที่การศึกษา
ข. การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานที่จัดในรูปแบบการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาตามอัธยาศัย
ค. การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ฯ
ง. การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับบุคคลที่มีความสามารถพิเศษ
ตอบ ก.การจัดการศึกษาทางไกลและการให้บริการในเขตพื้นที่การศึกษา
106. ผลการประเมินไม่ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด สมศ.ต้องดาเนินการอย่างไรเป็นอันดับแรก
ก. รายงานต่อคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข. จัดทำข้อเสนอแนะการปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงานต้นสังกัด
ค. แจ้งให้สถานศึกษาปรับปรุงแก้ไขภายในกำหนด
ง. เสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเปิดเผยต่อสาธารณชน
ตอบ ข.จัดทำข้อเสนอแนะการปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงานต้นสังกัด
107. ใครเป็นผู้ประเมินคุณภาพภายนอก
ก.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข.คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาขั้นพื้นฐาน
ค.สำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมิน คุณภาพการศึกษา
ง.สำนักงานประกันคุณภาพการศึกษา
ตอบ ค.สำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมิน คุณภาพการศึกษา
108. ข้อใดไม่อยู่ในความหมายของคำว่าสถานศึกษาตาม พ.ร.บ. นี้
ก. สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ข. โรงเรียน
ค. มหาวิทยาลัย ง. ทุกข้อเป็นสถานศึกษาตาม พ.ร.บ. นี้
ตอบ ง.ทุกข้อเป็นสถานศึกษาตาม พ.ร.บ. นี้
“สถานศึกษา” หมายความว่า สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียน ศูนย์การเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย หน่วยงานการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือของเอกชน ที่มีอำนาจหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา
109. ข้อใด คือ “ผู้สอน” ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. นี้
ก. ครู ข. คณาจารย์
ค. ผู้บริหารสถานศึกษา ง. ถูกเฉพาะข้อ ก และ ข้อ ข
ตอบ ง.ถูกเฉพาะข้อ ก และ ข้อ ข
“ผู้สอน” หมายความว่า ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่าง ๆ
110. ผู้บริหารการศึกษา หมายถึงข้อใด
ก. บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่ง ทั้งของรัฐและเอกชน
ข. บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอกสถานศึกษาตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่
การศึกษาขึ้นไป
ค. บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนในสถานศึกษา
ทั้งของรัฐและเอกชน
ง. บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับ
ปริญญาของรัฐและเอกชน
ตอบ ข.บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอกสถานศึกษาตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
“ผู้บริหารการศึกษา” หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอกสถานศึกษาตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
#คลิ๊กดูแนวข้อสอบราชการที่ www.โหลดแนวข้อสอบราชการ.com
#รวมข้อสอบที่ออกบ่อยๆ รวบรวมโดยอาจารย์ของสถาบัน
#เจาะลึกครอบคุมตรงประเด็น เนื้อหาสาระสำคัญ ข่าวสารทันโลก
#จำหน่ายแนวข้อสอบมานานกว่า 10 ปี การรันตีจากผู้สอบติดมากมาย
#รวมหนังสือหรือไฟล์ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาไปนั่งติว
แนวข้อสอบมี 2 รูปแบบ
1.แบบที่ 1 รอรับได้เลย ราคาเพียง 399 บาท (รอรับ 1-2 ชม หลังโอน)
2.แบบที่ 2 หนังสือ **ฟรี MP3** ราคา 699 บาท (ส่งฟรีขนส่งเอกชน)
ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อแนวข้อสอบ
โทร: 082-8551615 (คุณปาณิสรา)
Line ID : Panisara_test หรือคลิ๊กสั่งซื้อทันที
ชำระค่าสินค้าและบริการ
-ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 983-0-97701-3
-ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 549-2-17930-4
(ชื่อบัญชี ปาณิสรา พระกาย ออมทรัพย์ )